เหล็กไหล ของขลังจากธรรมชาติ กับ ความเชื่อโบราณ
เหล็กไหล ธาตุศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย เหล็กไหล มีลักษณะสีดำคล้ายนิล มีความเชื่อกันว่า หากใช้ไฟลนจะทำให้ยืดได้ และมีอานุภาพมากที่สุด
เหล็กไหล มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด โดยชนิดที่เป็นที่นิยมมากที่สุดจะฝังตัวอยู่ในถ้ำ มีสีดำคล้ายนิล สามารถลนไฟให้ยืดออกได้ มี ความเชื่อ กันว่า การจะนำเอาเหล็กไหลไปใช้ได้นั้นจะต้องใช้น้ำผึ้งชโลม ก้อนเหล็กไหล จากนั้นใช้ไฟลนเพื่อให้เหล็กไหลยืดตัวออกมากินน้ำผึ้งพร้อมกับเล่นไฟไปด้วย ลนไฟเหล็กไหลเอาไว้จนกระทั่งมีขนาดบางเท่าเส้นด้ายถึงจะตัดให้ขาดออกจากกันได้
การตัด เหล็กไหล
การไป ตัดเหล็กไหล นั้นกล่าวกันว่า คนธรรมดานั้นไม่สามารถตัดเหล็กไหลเองได้ เนื่องจากมีเทพเจ้า เจ้าป่า เจ้าเขา พญานาคหรือยักษ์รักษาอยู่และพร้อมจะเข้าทำร้ายผู้เข้าไปเอาได้ถ้าผู้นั้นไม่ใช่คนดีมีบุญหรือมีวิชาอาคมแกร่งกล้าพอ และตัวเหล็กไหลนั้นก็มีฤทธิ์ขัดขืนคนที่เข้าไปเอาได้ด้วย
อานุภาพของเหล็กไหล
เคยมีคนเข้าไปตัดเหล็กไหลแล้วเอามือไป จับเหล็กไหล แล้วมีอาการคล้ายถูกฟ้าผ่าหรือถูกไฟฟ้าแรงสูงดูด เป็นเรื่องที่ใครก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าจริงหรือเท็จอย่างไร เหล็กไหลที่ได้นี้กล่าวกันว่ามี ความศักดิ์สิทธิ์ มากมักฝังไว้ตามตัวผู้ที่ครอบครองกล่าวกันว่าจะไม่มีอะไรที่ทำร้ายผู้ที่ครอบครองตัวเหล็กไหลได้
ชนิดของเหล็กไหล
ระดับแรก เหล็กไหล มีลักษณะแวววาว ส่วนที่ถูกไฟลนสามารถยืดได้ นับว่าเป็นส่วนที่มีอิทธิฤทธิ์มากที่สุด ดังเช่น
1. เหล็กไหลปีกแมลงทับ
2. เหล็กไหลโกฐปี
3. เหล็กไหลเงินยวง
4. เหล็กไหลชีปะขาว
5. เหล็กไหลเพชรดำ
6. เหล็กไหลท้องปลาไหล
ระดับสอง รังเหล็กไหล มีลักษณะแวววาวรองจากตัวเหล็กไหล ไม่สามารถลนไฟให้ยืดออกได้ เป็นส่วนที่ห่อหุ่มตัวเหล็กไหลเอาไว้ เป็นฐานรองเหล็กไหลที่แข็งและแน่นคอยยึดติดกับผนังถ้ำ ดังเช่น
1. โคตรเหล็กไหล
2. แร่เกาะล้าน
3. แร่เม็ดมะขาม
4. เหล็กไหลทรหด
ระดับสาม ขี้เหล็กไหล มีลักษณะคล้ายกับน้ำตาเทียน มีสีดำด้าน แข็ง แต่สามารถทุบให้แตกได้ง่าย เกิดจากการที่เหล็กไหลเคลื่อนผ่านทางนั้นแล้วเกิดเป็นขี้เหล็กไหล ไม่มีฤทธิ์ใดๆ
พิธีการตัดเหล็กไหล
ผู้ที่สามารถทำพิธีตัดเหล็กไหลได้จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณธรรม ประพฤติตนดี ปฏิบัติรักษาศีลได้อย่างมั่นคง ต้องมีการขออนุญาตจากเทพผู้ดูแลรักษาเสียก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงค่อยทำพิธีตัดเอา มิฉะนั้นหากเราฝ่าฝืนด้วยกำลังหมายแย่งชิงเอาโดยพละการ มีความถือดีในพระเวทย์ ก็อาจทำให้มีเพทภัยถึงแก่ชีวิต หรือเกิดความขัดแย้งในหมู่คณะถึงขั้นที่ว่าวิบัติได้ด้วยฤทธิ์ของเทพผู้รักษาเหล็กไหลนั่นเองคะ
วิธีบูชาเหล็กไหล
เหล็กไหล จะมีความศักดิ์สิทธิ์ มี อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหารย์ได้ก็ต่อเมื่อผู้ที่บูชามีความเชื่อ มีความเคารพศรัทธาต่อพลัง ธาตุกายสิทธิ์ ใครที่ได้ครอบครองเหล็กไหลถือเป็นความโชคดี เหนือสิ่งอื่นใด
และที่สำคัญ เราต้องพึงระลึกอยู่เสมอว่า คนทุกคนล้วนแต่อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่ตั้ง ขอให้เราจงยอมรับกรรมนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี หรือไม่ดีก็ตาม ให้มีสติอยู่เสมอจะได้ไม่เสียสมดุลของชีวิต
คาถาบูชา เหล็กไหล
การบูชาธรรมธาตุเหล็กไหล ( ตั้ง นะโม 3 จบ )
พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ สะกะพะจะ บูชา จะ มหาบูชา
ท่านผู้ดูแลรักษา ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์ อันทรงฤทธิ์อานุภาพนี้
อิสะวาสุ อิติปิโส ภะคะวา เหล็กไหลเจริญมา เจริญยิ่ง เจริญดี
สิ่งดี ๆ ทั้งหลาย หลั่งไหลเข้ามาสู่แก่ตัวข้าพเจ้า เอ่ยชื่อ ......... นามสกุล .........
สัมมะ สัมมา สัมมา สัมมะ นะมะอะอุ นะมะพะทะ นะโมพุทธายะ
ตอนกล่าวคาถา “ นะ มะ อะ อุ ” กำหนดจิตรับพลังเหล็กไหลเข้าไปที่ นะ (หน้าผาก) , มะ (หน้าอก) , อะ (แผ่นหลัง) และ อุ (หน้าท้อง ที่จุดสะดือ)
บทความนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
หมายเหตุ *
ในแง่วิทยาศาสตร์ เหล็กไหลก็คือโลหะหรือวัสดุอื่นที่มีจุดหลอมเหลวต่ำ ที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเช่นอุกกาบาตจากนอกโลก ซิลิเกตจากใต้โลก และที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นเช่นปรอท แกลเลียม ซึ่งสามารถหลอมเหลวได้ในอุณหภูมิห้อง หรือโลหะผสมอื่น ๆ สีสันที่ดูเหมือนสีรุ้งเกิดขึ้นจากการแทรกสอดในฟิล์มบาง (thin-film interference) คือการแทรกสอดของแสงที่สะท้อนออกมาจากเนื้อวัตถุ
ขอบคุณ : วิกิพีเดีย
ภาพจาก : โซเชียลมีเดีย