ไม่มีเงาหัว ตามความเชื่อโบราณเชื่อว่าอาจเป็นลางร้าย
ไม่มีเงาหัว ลางร้ายตามความเชื่อโบราณ เล่าขานกันมาว่า หากเงาหัวหายไป อาจเป็นสัญญาณของเคราะห์กรรมหรืออันตรายที่กำลังมาเยือน เตรียมตัวรู้วิธีแก้เคล็ดก่อนสาย
ไม่มีเงาหัว ลางบอกเหตุร้าย? ตามความเชื่อโบราณ หากใครมองไม่เห็นเงาหัวของตนเอง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงเคราะห์กรรมหรืออันตรายที่กำลังจะมาเยือน ความเชื่อนี้ถูกเล่าขานมาหลายยุคหลายสมัยว่ามันอาจเป็น “ลางร้าย” ที่ไม่ควรมองข้าม พร้อมแนะวิธีแก้เคล็ดเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย
ที่มาไม่มีเงาหัว
ศีรษะ คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งของชนชาติสยาม ไม่มีใครเลยแม้แต่พวกทาส ที่จะทนให้คนอื่นแตะต้องส่วนดังกล่าวของร่างกายได้ ยิ่งกว่านั้น ความเคารพในหัว มีมากเสียจนพวกเขาไม่ยอมอยู่ในบ้านที่มีคนอื่นอาศัยอยู่ชั้นบน
ความเชื่อเกี่ยวกับศีรษะเป็นของสูงและสำคัญยิ่งน่าจะมีส่วนมาจากตำแหน่งที่ตั้งซึ่งเป็นจุดสูงสุดของร่างกาย เมื่อใดที่เกิดอะไรขึ้นกับหัวหรือศีรษะ จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก ไทยเรามีสำนวนว่า ‘ไม่มีเงาหัว’ หรือ ‘เงาหัวไม่มี’
ขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ให้ความกระจ่างไว้ในหนังสือ “สำนวนไทย” ไม่มีเงาหัว เป็นสำนวนหมายความว่าจะประสบเคราะห์ร้าย มูลของสำนวนมาจากการถือลาง มองเห็นเป็นหัวขาด คือ เห็นแต่ตัว ไม่เห็นหัวหรือศีรษะ ลางดังกล่าวนี้เรียกว่า 'ไม่มีเงาหัว' เอามาใช้เป็นสำนวนพูด เช่น พูดว่า 'ไม่มีเงาหัวเสียแล้ว' ก็หมายความว่า เคราะห์จะร้ายเสียแล้ว
วิธีแก้เคล็ดเมื่อพบว่าไม่มีเงาหัว
หากใครพบว่าตนเองไม่มีเงาหัว ตามคำบอกเล่าของคนโบราณ มักจะแนะนำวิธีแก้เคล็ดเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี ดังนี้:
- ทำบุญตักบาตร เพื่อเสริมดวงชะตาและอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร
- สวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะบทชินบัญชรหรือคาถาป้องกันภัยต่าง ๆ
- สะเดาะเคราะห์ ด้วยการถวายสังฆทานหรือปล่อยนกปล่อยปลา เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไกล ในช่วงเวลาที่ดวงชะตาอ่อนแอ
- ความเชื่อในมุมมองปัจจุบัน
- แม้ความเชื่อเรื่องไม่มีเงาหัวจะฟังดูน่ากลัวและลึกลับ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ บางครั้งแสงและมุมตกกระทบอาจทำให้เงาดูผิดปกติไปได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่เชื่อในเรื่องโชคลาง การทำบุญ เสริมดวง หรือแก้เคล็ด ก็ถือเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความสบายใจและเป็นที่พึ่งทางจิตใจได้
สรุป
ไม่ว่าเรื่อง “ไม่มีเงาหัว” จะเป็นเพียงความบังเอิญหรือความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมา แต่สิ่งสำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท และดูแลตัวเองให้ดีอยู่เสมอ เพราะสุดท้ายแล้ว เคราะห์กรรมหรือโชคชะตาใด ๆ ก็ย่อมบรรเทาได้ด้วยการทำความดีและรักษาใจให้สงบ