หลวงปู่ทิม อิสริโก พระเกจิดังแห่งวัดละหารไร่
ประวัติหลวงปู่ทิม อิสริโก หรือ พระครูภาวนาภิรัติ ผู้มีชื่อเสียงในทางพระพุทธศาสนา แม้จะมรณภาพไปแล้วแต่ก็ยังคงเป็นที่ศรัทธาแก่ลูกศิษย์จนถึงปัจจุบันนี้
ประวัติหลวงปู่ทิม อิสริโก เกจิอาจาร์ชื่อดัง ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูภาวนาภิรัติ มีลูกศิษย์และผู้ที่ศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทิมอย่างมากมาย แม้ท่านจะมรณภาพไปแล้วแต่ก็ยังคงมีคนเลื่อมใสศรัทธา มีท่านเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจจนถึงปัจจุบัน วันนี้ทีมข่าว Thainews Online จะพาทุกท่านมาเปิดประวัติหลวงปู่ทิม อิสริโก จะเป็นอย่างไรบ้าง ไปติดตามกันเลย
หลวงปู่ทิม อิสริโก พระเกจิดังแห่งวัดละหารไร่
หลวงปู่ทิม อิสริโก หรือ พระครูภาวนาภิรัติ ชื่อเดิมคือ ทิม งามศรี เกิดเมื่อ16 มิถุนายน พ.ศ.2422 ปีมะแม บิดามารดาคือ นายแจ้และนางอินทร์ งามศรี หลวงปู่ทิมเป็นหลานของหลวงปู่สังข์ ผู้เก่งกาจในด้านวิชาอาคม และยังเป็นผู้ก่อตั้งละหารไร่ขึ้น ก่อนที่จะไปอยู่วัดเก๋งจีนนั้นจึงได้ทิ้งตำราความรู้เอาไว้ หลวงปู่ทิมจึงได้ศึกษาความรู้จากตำราที่หลวงปู่สังข์ทิ้งไว้ที่วัดละหารไร่
เมื่อท่านพระครูภาวนาภิรัติ หรือหลวงพ่อทิม อายุ 17 ปี บิดาได้พาท่านไปฝากกับพ่อสิงห์ ได้เล่าเรียนหนังสือกับท่านพ่อสิงห์พระอาจารย์เป็นเวลาประมาณ 1 ปี และได้ออกมาทำงานช่วยครอบครัว
เมื่อ หลวงพ่อทิม อายุได้ 19 ปี ได้ถูกคัดเลือกเป็นทหารและได้เข้าประจำการที่กรุงเทพฯ เป็นเวลา 4 ปี เมื่อปลดประจำการมาอยู่บ้านได้ไม่นานจึงอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน 2449 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม โดยมีพระคุณเจ้าท่านพระครูขาว วัดทับมาเป็นพระอุปัชฌายะ พระอาจารย์เกตุ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สิงห์ (พระอาจารย์ของท่าน ในขณะที่ท่านได้ศึกษาครั้งแรก) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ พัทธสีมา วัดละหารไร่ ได้ฉายาว่า อิสริโก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้วท่านก็มาอยู่ที่วัดกับพระอาจารย์สิงห์ได้ 1 พรรษา และได้ศึกษาจากตำราที่หลวงปู่สังข์ทิ้งไว้อย่างตั้งใจ เมื่ออยู่ครบพรรษาแล้วท่านก็ได้ขออนุญาตและนมัสการกราบลาอาจารย์ออกธุดงค์ไปหลายจังหวัดเป็นเวลา 3 ปี และจำพรรษาอยู่ที่วัดนามะตูมเป็นเวลา 2 พรรษา ระหว่างนั้นท่านก็ได้เที่ยวร่ำเรียนวิชากับเกจิอาจารย์หลายอาจารย์ด้วยกันรวมทั้งฆราวาส โยมเริ่ม โยมรอด และโยมสาย นอกจากนั้นยังศึกษาตำราซึ่งตกทอดมาจากหลวงปู่สังข์เฒ่า เจ้าอาวาสวัดเก๋งจีนซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของหลวงปู่ทิม เป็นเวลากว่า 2 ปี
ต่อมาหลวงปู่ทิมจึงกลับมาอยู่ที่วัดละหารไร่หรือ (วัดไร่วารี) ตามเดิมและท่านได้เรียนทางวิปัสสนากรรมฐานกับอาจารย์และอื่น ๆ อีกหลายอาจารย์ด้วยกัน วัดละหารไร่ เดิมชื่อวัดไร่วารี เพราะมีน้ำอยู่ล้อมรอบ และเป็นที่กันดารมาก ถ้าใครได้หลงเข้าไป เป็นได้หลงป่าไปเลย ซึ่งแม้แต่หลวงปู่เองท่านยังต้องบุกป่าฝ่าดงเข้าไปอยู่ ในสมัยนั้นทางรถก็ยังไม่มี จะมีก็แต่ทางเดินแคบ ๆ เท่านั้น หลวงปู่ท่านจึงต้องพัฒนากันใหญ่ ด้วยความร่วมมือจากญาติโยมในท้องถิ่นนั้น คือได้มีชาวบ้านศรัทธาท่านมากถึงกับบวชเพื่อติดตามปรนนิบัติท่านถึง 3 คน คือ นายทัต นายเปี่ยม และ นายแหยม ซึ่งทั้ง 3 คนนี้มีความสนใจในวิชาทางศาสนาเป็นอย่างมาก เมื่อหลวงปู่ทิมมาอยู่วัดละหารไร่แล้ว
ต่อมาคณะสงฆ์ได้มอบหมายให้ท่านเป็น พระอธิการทิม อิสริโก เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะ บูรณะซ่อมแซมกุฏิ และอื่น ๆ อีกหลายอย่างพร้อมด้วยญาติโยมทั้งหลายได้ก่อสร้างพระอุโบสถขึ้น 1 หลัง ประมาณ 1 ปี ก็แล้วเสร็จและผูกพัทธสีมาเรียบร้อยในระยะเวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น และในปี พ.ศ. 2483 หลวงพ่อทิมได้จัดให้มีการเปิดโรงเรียนขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อสอนกุลบุตรกุลธิดาของประชาชน โดยใช้ศาลาการเปรียญเป็นสถานที่สอน ต่อมาชาวบ้านเห็นดีด้วยกับการศึกษาจึงร่วมมือกับหลวงพ่อสร้างอาคารเรียนขึ้น 1 หลัง ตามแบบ ป.1 ข. โดยใช้เวลาการก่อสร้างเพียง 8 เดือนก็แล้วเสร็จเรียบร้อย ซึ่งปัจจุบันอาคารหลังนี้ชำรุดทรุดโทรมและรื้อถอนไปไม่ได้ใช้แล้ว ต่อมาก็ได้ช่วยกันกับชาวบ้านก่อสร้างสะพานข้ามคลองอีกหลายแห่ง สร้างหอฉันและศาลาการเปรียญสำเร็จ
ในปี 2478 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระครูชั้นประทวน ต่อมาในปี 2497 ทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร และในปี 2507 ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น พระครูภาวนาภิรัติ ท่านจะฉันข้าวมื้อเดียวมาประมาณ 47 ปี และ เนื้อ หมู เป็ด ไก่ หรืออาหารคาวทุกชนิด ท่านไม่ยอมฉัน มา 47 ปีแล้ว แม้แต่น้ำปลาก็ไม่ฉัน อาหารที่ท่านฉันเป็น ผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่นอย่างนี้อยู่เป็นนิจตลอดมา และท่านได้มรณภาพเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ.2518 แต่คุณงามความดีที่ท่านได้สร้างนั้นยังคงอยู่ และเป็นที่เคารพนับถือต่อลูกศิษย์และผู้ที่ศรัทธาในความน่าเลื่อมใสของท่านก็ยังคงมีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน