พี่ชาย แน็ก ชาลี เคลื่อนไหวเคลียร์ปม น้องส่งเสียค่าเล่าเรียน ทำไมไม่ช่วยงาน
พี่ชาย "แน็ก ชาลี" เคลื่อนไหวเคลียร์ปม น้องส่งเสียค่าเล่าเรียน ทำไมไม่ช่วยงาน ลั่นครอบครัวได้รับผลกระทบหมด
ยังมีประเด็นดราม่าออกมาต่อเนื่อง สำหรับ "แน็ก ชาลี" และ พี่สาว 4 คน โดยก่อนหน้านี้ทางด้านพี่สาวออก มาทำช่องของตัวเองโดยใช้ชื่อ 4AuntS หรือ 4 ป้า และไลฟ์ขายของร่วมกับอดีตผู้จัดการส่วนตัวของแน็ก ทำให้มีแฟนคลับเข้าไปต่อว่าต่างๆ นานา มีการโต้ตอบกันไปมา มีการขุดโพสต์เรื่องราวเก่าๆ มาแชร์
ล่าสุดทางด้าน ตึ๊ง อัลเบิร์ต ปอทเจส นักแปลและนักเขียน ซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของ แน็ก ชาลี ออกมาโพสต์ชี้แจงถึงเรื่องราวดราม่าที่เกิดขึ้น และชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ระบุว่า...
"ทีแรกผมคิดว่าจะเงียบ ๆ ไปเลย เพราะไม่อยากดังจาก Drama อะไรแบบนี้ แล้วพูดตรง ๆ ตอนนี้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมันก็กระทบกับทุกคนนั่นแหละ แต่ที่คิดว่าควรจะพูด ก็เพราะมีบางคนพยายามพาดพิง หรือถามถึง เลยขอชี้แจงไว้ตรงจุดนี้ เท่าที่สามารถ
#ผมทำอะไร ?
- คือผมมีงานที่ผมทำอยู่ เป็นงานสุจริตครับ เป็นนักแปล/นักเขียน และอื่น ๆ อีกมากมายที่เราทำได้ แม้จะไม่ได้เงินเยอะ แต่เราก็พยายามดูแลรับผิดชอบชีวิตตัวเอง ทุกวันนี้ก็ยังทำงานหาเงินจ่ายค่าอยู่ค่ากิน ค่าอพาร์ตเมนต์ มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น ไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือยครับ อยู่ตามอัตภาพ ซึ่งผมก็คิดว่ามันไม่ควรจะด้อยค่างานที่ใครทำ ไม่ว่าจะทำงานอะไร ทุกงานก็อาจจะมีคุณค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตัวมันเอง
#แล้วคุณไม่ช่วยงาน ช เลยหรือ ?
- เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยช่วยนะครับ แต่ด้วยความเป็นธุรกิจครอบครัวซึ่งการจัดการบางอย่างก็ไม่มืออาชีพ บางงานก็ทำฟรีเลยด้วยซ้ำ เห็นว่าเป็นครอบครัวก็ช่วย ๆ กัน แล้วผมก็เข้าใจว่ามันไม่มีใครควรมาแบกใคร โต ๆ กันแล้ว มีมือมีตีน ก็ต้องพยายามดิ้นรนกันด้วยตัวเอง ซึ่งมันเคยมีจุดนึง ที่กระทบกระเทือนทั้งจิตใจและความเป็นอยู่ของผม ผมเลยเลือกที่จะ Walk Out (เดินออกมา) จากตรงนั้น ต่างคนต่างอยู่
- แล้วที่เคยมีใครเป็นคนพูดว่า ช ส่งเสียค่าเล่าเรียนอะไรนั่น ? คือผมเรียนจบ ป.ตรี ก่อนที่คุณ ช จะมีผลงานดังนะครับ สมัยก่อนครอบครัวเราไม่ได้สบาย ตอนนั้นผมเป็นนักเรียนทุน ปิดเทอมก็ไปทำงานพิเศษ ตอนเรียน ป.โท ผมก็ใช้เงินเก็บตัวเองเป็นส่วนใหญ่ครับ ก็ทำงานควบไปด้วยเช่นกัน
#แล้วทำไมถึงออกมาพูด
- ผมคิดว่ากลุ่มพี่สาว (4 Aunts) เขาก็พยายามที่จะยืนด้วยขาตัวเองไง เขาจะร่วมงานกับใครก็เป็นสิทธิของเขา ตราบที่ไม่ได้ผิดกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ควรที่จะมีใครไปก่อกวนหรือปั่นป่วนเขา
- ใครจะว่าเรื่อง #ผลประโยชน์ ผมก็คิดว่าเราปฏิเสธไม่ได้ที่โลกทุกวันนี้เราก็ต้องใช้จ่าย หลายคนมีภาระต้องเลี้ยงดูตัวเอง ครอบครัว ลูกหลาน ทุกคนทำงานแลกเงินครับ ไม่ควรมีใครที่ทำงานแล้วต้องมาถูกทวงบุญคุณ หรือเป็นที่รองรับทางอารมณ์ของใคร
- แล้วซึ่งการ Cyberbully (ก่อกวน รังควาญ) เอาจริงก็ไม่ควรมีใครถูกกระทำครับ หรือจะเป็นการทำร้ายทั้งในเชิงวาจา จิตใจ ร่างกาย ไม่ควรมีใครถูกกระทำทั้งนั้น ผมเลยคิดว่าผมควรจะ Speak Out ในสิ่งที่ผมสามารถพูดได้
- มีคนพูดว่า "ผมเป็นส่วนที่ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง เดือดร้อน" ผมก็ต้องย้อนถามไปว่า แล้วในรอบปีคุณ ช มีข่าวมากี่รอบแล้ว ? ซึ่งทุกคนในครอบครัวก็ได้รับผลกระทบกันหมด แม้แต่ผมเองที่เฟดตัวเองมานาน ต่อให้พยายามอยู่ห่างๆ แต่ทุกครั้งที่มีข่าวก็จะมีคนที่ทำงานมาถามผมนู่นนี่นั่น ซึ่งเอาจริงมันก็รู้สึกไม่ดีนั่นแหละ
- ในฐานะคนคนหนึ่ง หรือสังคม เราควรจะได้รับบทเรียนจากตรงนี้ไหม ส่วนตัวผมว่าเรื่อง #ความสัมพันธ์ เป็นเรื่องปกตินะที่คนเราคบหากันแล้วอาจจะเข้ากันไม่ได้ มีความจำเป็นต้องเลิก (ยุติความสัมพันธ์) แต่เราจะจัดการกับสิ่งนั้นยังไง ? ไม่ใช่ว่าเลิกกันแล้วไปพูดวิจารณ์อีกฝั่งในทางลบ หรือจบความสัมพันธ์แบบมีปัญหา แล้วก็ไม่ถอดบทเรียน ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เคส 1, 2 แล้วก็ยังมี 3, 4 อันนี้ก็ควรถามใจตัวเองแล้วว่าต้นเหตุของปัญหาคืออะไร ?
#หมายเหตุ ออกตัวไว้ก่อนเลย ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ผมยอมรับว่าผมก็ไม่ใช่คนดีครับ เคยผิดพลาด เคยทำร้ายคนอื่นในทางวาจาหรือจิตใจเช่นกัน และรู้สึกผิด ก็พยายามถอดบทเรียนเพื่อที่จะได้ไม่ให้ทำผิดซ้ำ ๆ อีก"