"เชน ธนา" ประกาศขายตึกออฟฟิศ ตัดใจยอมขายในราคาขาดทุน
"เชน ธนา" ประกาศขายตึกออฟฟิศ บริษัทอมาโด้ ขนาด 5 ชั้น 3 คูหา ราคา 58 ล้านบาท ตัดใจยอมขายในราคาขาดทุน หลังถูกกล่าวหาฉ้อโกง
วันที่ 20 ธ.ค. 67 ทางด้านเฟซบุ๊ก Tawan Sun โพสต์ประกาศขายตึก โดยเป็นออฟฟิศของบริษัท อมาโด้ ของ "เชน ธนา" ซึ่งเผยว่าประกาศขายขาดทุน สำนักงาน 3 ตึก ขายตัดภาระแบงค์ และได้มีการพูดคุยกับพนักงานของทางออฟฟิศ
โดยโพสต์ดังกล่าวเผยว่า "ขายขาดทุน !! สำนักงาน 3 ตึก ขายตัดภาระแบงค์ โครงการ WISE ladprao71 (ไวซ์ ลาดพร้าว 71) โฮมออฟฟิศ 5 ชั้น 3 คูหา หน้ากว้างคูหาละ 8 เมตร 9 ห้องนอน 18 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 6 คัน ที่ดินiรวม 106.5 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 1146 ตร.ม. พร้อมตกแต่งเรียบร้อย ราคา 58 ล้าน สนใจติดต่อ 091-090 0401"
และได้โพสต์คลิปที่ยืนพูดคุยกับทางพนักงานของออฟฟิศ เผยว่าอยู่กับบริษัทมาประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา เชน ธนา เป็นเจ้านายที่ดีไม่เคยดุด่าหรือต่อว่าทางลูกน้องเลย ผู้โพสต์เองก็บอกว่าดูจากไลฟ์แต่ละครั้งก็ไม่เคยเห็นว่าเขาต่อว่าลูกน้อง ตอนนี้ก็อยากจะช่วยและใครที่สนใจซื้อตึกสามารถติดต่อตนได้
ส่วนด้านด้านคดีความ เชน ธนา ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 อัยการ ฯ สั่งฟ้อง เชน ธนา คดีฉ้อโกงบริษัทไทยยินตัน ความเสียหายกว่า 79 ล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจหลังเข้าฟังคำสั่งฟ้อง ระบุว่า ตัวเองก็ใช้สิทธิ์ของประชาชนคนไทยมาตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา และพยายามตั้งคำถามว่า ข้อหาฉ้อโกง ตัวเองและบริษัท ฉ้อโกงในรายละเอียดเรื่องอะไร จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่ทราบในรายละเอียด
ที่ผ่านมาตนได้พยายามขอความเป็นธรรม มาที่ สำนักอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีศาลแขวง 4 ต่อ อัยการสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ขอให้มีการสอบสวนตนเพิ่มเติม เพราะตนมีความมั่นใจว่า ไม่ได้มีเจตนาจะฉ้อโกง สินค้าก็ไม่ได้ขาย แม้จะยอมขายขาดทุน ตัวเองก็ไม่เคยทำ ซึ่งมันเป็นเพียงการบริหารตามขั้นตอนของบริษัทเมื่อสินค้าหมดอายุ ก็จะตีราคาตามอายุต่ำกว่ากึ่งหนึ่ง แต่ทั้งหมด ก็เป็นเพียงการคาดเดา เพราะยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อให้ไปชี้แจงหรือสอบถามเพิ่มเติมเลย
วันนี้ยินดีที่จะเดินทางมาตามขั้นตอน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้เดินทางไปร้องต่ออัยการสูงสุด ก็ยังไม่ได้รับการตอบรับกลับมา แม้แต่การให้สืบสวนเพิ่มเติม แต่ความเข้าใจของตน ไม่ว่าจะมีอัยการสูงสุด กองอัยการหรืออัยการฝ่าย หรืออัยการเจ้าของคดี ก็น่าจะมีการเรียกสอบตนเพิ่มบ้าง จนกระทั่งวันนี้ที่ได้รับการสั่งฟ้อง ตนเองก็เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของศาล
ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันส่งผลกระทบต่อบริษัทและการขายสินค้า ซึ่งไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง ซึ่งให้มันเป็นไปตามขั้นตอน ตนเองก็แสดงความบริสุทธิ์ใจ ด้วยการลดการออกหน้าจอทีวี แต่ในโซเชี่ยล ตนก็ไปฝึกไลฟ์ เพราะว่า ตนเองมีพนักงานที่ร่วมรับผิดชอบกว่า 100 ชีวิต ซึ่งก็เข้าใจทางฝั่งของคู่กรณี ที่ได้รับความเสียหาย ตนก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน ในฐานะเจ้าของบริษัทก็ต้องประคองธุรกิจให้อยู่รอด