"โหรฟองสนาน" เผยคำทำนายดวงเมือง 2567 ตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ยังจะมาแรงตลอดปี
"โหรฟองสนาน จามรจันทร์" โหรชื่อดังของเมืองไทย เผยคำทำนายดวงเมือง 2567 ตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ยังจะมาแรงตลอดปี
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 67 "โหรฟองสนาน จามรจันทร์" โหรชื่อดังของเมืองไทย เผยทำทำนายผ่านทางเพจ ระบุว่า แม่หมอสมัครเล่นตอนที่ 515 โดยฟองสนาน จามรจันทร์ ตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ยังจะมาแรงตลอดปี
ด้วยปีนี้เกณฑ์ทางโหรเกี่ยวกับการตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ในเมืองโดดเด่นมาก ผู้เขียนจึงสวมวิญญาณนักข่าวเก่าดันเกณฑ์นี้ขึ้นเป็นข้อแรกในการเขียนทำนายดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์2567ในไทยโพสต์ และทุกช่องทางเมื่อได้โอกาสออกสื่อ เพื่อกระตุ้นความสนใจให้ระวังตัวกัน หรืออย่างน้อยหากเกิดเหตุการณ์แล้วจะได้ไม่แปลกใจมาก
ครั้นเมื่อเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิ และเครื่องบินชนกันที่ญี่ปุ่นเมื่อ1-2มกราคมที่ผ่านมา หลายคนถามผู้เขียนว่าเมื่อญี่ปุ่นรับไปแล้ว เคราะห์ด้านนี้ของเมืองรัตนโกสินทร์จะหมดหรือจางไปหรือไม่?
คำตอบคือไม่ เพราะญี่ปุ่นกับไทยคนละประเทศ-คนละดวงเมืองกัน โดยดวงเมืองรัตนโกสินทร์นั้นสื่อล่อให้เกิดเหตุด้านร้ายอาการนี้เริ่มตั้งแต่
1. เริ่มตั้งแต่ 8กรกฎาคม 2565เป็นต้นมาที่ดาวไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าคือมฤตยูจร(0)เจ้าของภัยอาเพศ-เจ้าของสายฟ้า-การปฏิวัติ ที่ด้านลบ(มีด้านบวกด้วย)บังคับถึงเหตุร้าย -เหตุการณ์ที่ไม่ทันนึกคิด -การพลัดพราก-การทำร้ายตนเอง-ความเศร้าโศก ความรุนแรงที่มองไม่เห็น-ฯลฯเริ่มเดินในราศีพฤษภ ที่พระเกตุ(๙)และพระอังคารดวงเดิม(๓)ดาวประจำชีพเมืองซึ่งด้านร้ายหมายถึงการต่อสู้ สงคราม การทะเลาะวิวาท อุปัทวเหตุ ความตาย การบาดเจ็บ ไข้เจ็บที่ทรมาน คลุ้มคลั่ง อาวุธ กลอุบายที่ใช้ประหัตประหารกันรองรับอยู่
มฤตยูจรที่ราศีพฤษภยังเล็งใส่ราศีพิจิก อันเป็นดินแดนแห่งความตาย(ภพมรณะของเมือง)อีกด้วย
เมื่อดาวมฤตยูจรเดินมาทับอังคารดวงเดิมแล้วเล็งใส่ดินแดนของความตายของเมืองดังนี้ แน่นอนเป็นสื่อล่อเลือด-ความวิบัติฉับพลัน-อุบัติเหตุ-ความรุนแรงตาย-เจ็บ-เสียหาย-เศร้าโศกหมู่รออยู่ รอจังหวะเพียงให้ดาวขนาดเล็กกว่าโคจรมาลงล็อคจนเกิดเหตุเปรี้ยงปร้างขึ้น
ปรากฎการณ์ลงล็อคแรกจากเกณฑ์โหรนี้คือการสังหารหมู่38ศพที่อำเภอนากลาง หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 6ตุลาคม 2565 ที่เมื่อเกิดแล้วก็ยังงงไม่หาย คลุมเครือหาคำตอบกันยกใหญ่ว่าอะไรคือแรงจูงใจ เพราะคนทำก็ตายไปแล้ว(มฤตยู0ทับเกตุ๙-คลุมเครือไม่ชัดเจน)
ข่าวร้ายคือมฤตยูจร(0)ตัวล่อนี้ยังจะอยู่ที่ราศีพฤษภไปถึง18กรกฎาคม 2572 เป็นระยะยาวนานเจ็ดปี เพียงแต่บางช่วงจะเกิดเรื่องร้ายถี่-ห่างไปตามลีลาดาวจรที่ขนาดเล็กกว่า เท่านั้นที่จะว่ากันเป็นปีๆไป
2.ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ติดจะโชคร้ายเพราะมีเกณฑ์ลบอื่นมาเสริมกำลังให้เกณฑ์ตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ของมฤตยูจรให้แรง-ถี่ขึ้น
โดยเกณฑ์เสริมนี้เริ่มตั้งแต่1มีนาคม 2566เป็นต้นมาและจะยาวไปตลอดปี2567คือ
พระเสาร์จร(7)เทพเจ้าแห่งความระทม หัวหน้าดาวร้าย-บาปเคาะห์ดวงใหญ่ที่สุดที่มองเห็นด้วยตาเปล่า เดินในราศีกุมภ์ดินแดนโชคลาภและความสำเร็จของเมือง(ภพลาภะ)แต่แทนที่จะให้คุณอย่างเดียว กลับทำมุมพิเศษถึงราศีพิจิกดินแดนแห่งความตาย(ภพมรณะ)ของเมืองด้วย เป็นการเสริมกำลังด้านด้านตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ให้เพิ่มขึ้นอีก -รอเพียงดาวขนาดเล็กกว่ามาจุดระเบิด
ผลคือด้านลบซ้อนลบเริ่มด้วย
- 3 ตุลาคม 2566 วัยรุ่นอายุ14ปี เห็นผิดเป็นชอบ(เมืองตกภูมิราหู)กราดยิงที่สยามพารากอน ตาย3เจ็บ4แต่ผลทางเศรษฐกิจก็กระทบเอาเรื่องเพราะมีนักท่องเที่ยวจีนตายด้วยต้องปลอบขวัญจ้าละหวั่นไม่ให้ขยาดเมืองไทย
ผู้เขียนเองก็เกรงลัทธิเอาอย่างไม่อยากเดินศูนย์การค้าระยะหนึ่ง
- 7 ตุลาคม 2566 ฮามาสเริ่มรบอิสราเอล คนงานไทยนักรบของชาติยุคใหม่ที่หาเงินเข้าประเทศพลอยเดือดร้อนตายไปกว่า30 คน เดือดร้อนระส่ำกันไป
- 5 ตุลาคม 2566รถทัวร์กทม.-นาทวีชนต้นไม้ริมถนนเพชรเกษม หน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ประจวบฯรถเหมือนถูกผ่าเป็นสองซีกแบบน่าแปลกใจ กลุ่มคนที่นั่งฝั่งคนขับตายไป16คน เจ็บไปประมาณ30คนและ
- เริ่มปีใหม่ไม่ทันไรก็ดุเอาเรื่องด้วยโรงงานพลุที่เมืองสุพรรณบุรีระเบิดเมื่อ17มกราคม2567 ราบเป็นหน้ากลองอยู่กลางทุ่งตายหมู่23เจ็บหนัก7คน
ย้ำอีกครั้งว่าปี2567นี้เกณฑ์ร้ายตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ยังไม่จบมีแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ และสามารถเกิดได้ทุกทางทั้งดิน-น้ำ-ลม-ไฟควัน-อากาศ-ระเบิด-อาวุธ-เลือดและจะเกิด-อุบัติแบบไม่คาดฝันฯลฯ
แต่ก็ขอสารภาพตามตรงว่าตั้งแต่เขียนเรื่องด้านลบอุบัติใหญ่ของเมืองมาก็คล้ายลมพัดผ่านใบไม้ เพราะช่วยอะไรไม่ได้เลย ด้วยอะไรมันจะเกิดมันก็ยังเกิดอยู่ดี คนตาย-เจ็บ-เสียหาย-พลัดพราก—เศร้าโศกเสียใจก็ยังแบกทุกข์ต่อไป แล้วรอเหตุใหม่เกิดอีก
ทุกวันนี้จึงคล้ายๆกับเขียนไปลองวิชา-ลองตำราไปมากกว่า
ถึงจะอย่างไรหากเห็นคำทำนายแล้วจิตตกหวั่นต่อเหตุร้ายจะถึงตัวและคนใกล้ชิด ผู้เขียนก็มีแต่คาถาแคล้วคลาดของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตมาฝากซ้ำอีก ซึ่งในอดีตหลวงปู่อยู่ไกลถึงอุดรธานี ท่านยังรู้ด้วยญาณว่าสงครามโลกครั้งที่สองใกล้จะยุติแล้วทั้งๆที่สมัยนั้นการสื่อสารไม่ล้ำเหมือนยุคนี้
แล้วหลวงปู่ท่านให้คาถานี้เพื่อชาวเสรีไทยท่องจนเกิดสมาธิในดวงจิต-ติดจิตไป แทนผ้ายันต์ซึ่งเป็นของนอกกาย
ส่วนผู้เขียนกับคู่ชีวิตเคยเจอปาฎิหาริย์ของคาถานี้มาแล้ว เพียงแต่ไม่อยากเล่าให้หนักไปทางจิตนิยมเท่านั้น แม้ทุกวันนี้ก่อนออกจากบ้านก็พึมพำ ลูกสาวจะขึ้นเครื่องบินก็ขอให้ภาวนาเพราะเกรงอุบัติเหตุทางอากาศโดยคาถานี้ที่เป็นส่วนหนึ่งของคาถาพญานกยูงทองหรือโมรปริตความว่า
นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุตติยา
แปลว่า ความนอบน้อมของข้าฯจงมีแด่ผู้หลุดพ้นแล้วทั้งหลาย(คือพระพุทธเจ้า+พระอรหันต์)
ความนอบน้อบของข้าฯจงมีแต่วิมุตติธรรม(ธรรมแห่งความหลุดพ้น)
เชื่อว่าหากไม่เคราะห์หนักหรือถึงคราวตายจริงๆก็คงแคล้วคลาด
ฟองสนาน จามรจันทร์
19 มกราคม 2567