เมืองลับแล เมืองที่มองไม่เห็นคนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไป
อาถรรพ์ เมืองที่มองไม่เห็น คนมีบุญเท่านั้นจึงจะได้เข้าไปถึงเมืองลับแลง เมืองที่มีแต่มนต์เสน่ห์ชวนหลงไหล
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ตำนานเมืองลับแล ผีบังบด เมืองลี้ลับที่ถูกซ่อนเร้น เรื่องราวของพวกเขาเท่าที่ฟังจากหลวงพ่อเกษมเล่าให้ฟัง ก็เป็นชาวทิพย์ประเภทหนึ่งที่มีลักษณะท่าทางการแต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนกันกับชาวโลกมนุษย์เราและอาศัยอยู่ในโลกด้วยกันกับพวกเรานี่แหละ เพียงแต่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง การดำเนินชีวิตของพวกเขาก็คล้ายๆ กับมนุษย์เรานี่แหละ
มีทั้งการทำไร่ไถนาทำการเกษตร ทำงานหัตถกรรม ทำการเลี้ยงสัตว์ แต่ว่าอาการที่พวกเขาทำก็ทำไปอย่างนั้นแหละ ทำไปเพราะแรงกรรม ทำอยู่อย่างนั้นแต่ไม่ได้ผลผลิตอะไรจากการกระทำ เช่น เลี้ยงวัวก็เลี้ยงอยู่อย่างนั้นแหละ เลี้ยงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดกรรมหมดกรรมเมื่อไหร่ก็ได้เลิกเลี้ยงวัว และวัวนั้นก็เป็นคนที่ตายแล้วไปเกิดเป็นผีวัวให้ได้เลี้ยงเพราะแรงแห่งบาปกรรมเหมือนกัน
คือชีวิตความเป็นอยู่ในโลกของพวกเขามันไม่ได้ดีขึ้นหรือเลวลง คืออยู่กันอย่างนั้นแหละ ไม่ได้ดีขึ้นไปกว่านั้นและไม่ได้เลวลงไปกว่านั้น แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาก็ยังดีกว่าเปรตและอสุรกาย แต่ก็ไม่ดีเท่ากับพวกเทวดาที่สถิตตามต้นไม้
กรรมอันใดเหรอ? ก็เป็นบาปกรรมแต่บาปไม่หนักมากพอที่จะทำให้เกิดในนรก - เปรต - อสุกาย และก็พอมีบุญอยู่บ้างจึงส่งผลให้ไปเกิดในที่ที่เรียกกันว่าเมืองลับแล ซึ่งมีเรื่องในพระไตรปิฎกอยู่เหมือนกัน คือ ชาวทิพย์เขามารักสาวชาวมนุษย์แล้วก็เลยเอาสาวชาวมนุษย์นั้นไปอยู่ในภูมิของพวกเขา สาวชาวมนุษย์นั้นไปอยู่ที่เมืองของเขาก็เข้าใจว่าผ่านไป 7 ปี แต่ถ้านับเวลาในเมืองมนุษย์ก็ผ่านไปถึง 700 ปี
หลวงพ่อเกษม เขมโก (นามเดิม เจ้าเกษม ณ ลำปาง) เป็นพระเถระและเกจิอาจารย์ ผู้เคร่งครัดในธุดงควัตร ปลีกวิเวก พุทธศาสนิกชนในจังหวัดลำปางและชาวไทยเคารพนับถือยิ่งนักว่าท่านเป็นพระมหาเถราจารย์ปูชนียบุคคลรูปหนึ่งของประเทศไทย และมีผู้ให้ความเคารพศรัทธาเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน อีกทั้งท่านยังเป็นเจ้านายในราชวงศ์ทิพย์จักร ที่ออกผนวชอีกด้วย
ตำนานพื้นเมืองเมืองลับแล
หลวงพ่อเกษม เขมโก ได้เมตตาเล่าให้ฟังแล้ว ยังมีชื่อเมือง “ลับแล” ซึ่งเป็นชื่ออำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์ มีตำนานพื้นเมืองเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีชายคนหนึ่งเข้าไปในป่า ได้เห็นหญิงสาวสวยหลายคนเดินออกมา ครั้นมาถึงชายป่า นางเหล่านั้นก็เอาใบไม้ที่ถือมาไปซ่อนไว้ในที่ต่างๆ แล้วก็เข้าไปในเมืองด้วยความสงสัย ชายหนุ่มจึงแอบหยิบใบไม้มาเก็บไว้ใบหนึ่ง ตกบ่ายหญิงสาวเหล่านั้นกลับมา ต่างก็หาใบไม้ที่ตนซ่อนไว้ ครั้นได้แล้วก็ถือใบไม้นั้นเดินหายลับไป
มีหญิงสาวคนหนึ่งหาใบไม้ไม่พบเพราะชายหนุ่มแอบหยิบมา นางวิตกเดือดร้อนมาก ชายหนุ่มจึงปรากฏตัวให้เห็นและคืนใบไม้ให้ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือขอติดตามนางไปด้วยเพราะปรารถนาจะได้เห็นเมืองลับแล หญิงสาวก็ยินยอม
นางจึงพาชายหนุ่มเข้าไปยังเมือง ซึ่งชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าทั้งเมืองมีแต่ผู้หญิง นางอธิบายว่า คนในหมู่บ้านนี้ล้วนมีศีลธรรม ถือวาจาสัตย์ ใครประพฤติผิดก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป ผู้ชาย ส่วนมากมักไม่รักษา วาจาสัตย์จึงต้องออกจากหมู่บ้านกันไปหมด แล้วนางก็พาชายหนุ่มไปพบมารดาของนาง
ชายหนุ่ม เกิดความรักใคร่ในตัวนางจึงขออาศัยอยู่ด้วย มารดาของหญิงสาวก็ยินยอมแต่ให้ชายหนุ่มสัญญา ว่าจะต้องอยู่ในศีลธรรม ไม่พูดเท็จ ชายหนุ่มได้แต่งงานกับหญิงสาวชาวลับแลจนมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน วันหนึ่งขณะที่ภรรยาไม่อยู่บ้าน ชายหนุ่มผู้พ่อเลี้ยงบุตรอยู่ บุตรน้อยเกิดร้องไห้หาแม่ไม่ยอมหยุด
ผู้เป็นพ่อจึงปลอบว่า “แม่มาแล้วๆ” มารดาของภรรยาได้ยินเข้าก็โกรธมากที่บุตรเขยพูดเท็จ เมื่อบุตรสาวกลับมาก็บอกให้รู้เรื่อง ฝ่ายภรรยาของชายหนุ่มเสียใจมากที่สามีไม่รักษาวาจาสัตย์ นางบอกให้เขาออกจากหมู่บ้านไปเสีย แล้วนางก็จัดหาย่ามใส่เสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ สามี พร้อมทั้งขุดหัวขมิ้นใส่ลงไปด้วยเป็นจำนวนมาก
จากนั้นก็พาสามีไปยังชายป่า ชี้ทางให้แล้วนางก็กลับไปเมืองลับแล ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไรก็จำต้องเดินทางกลับบ้านตามที่ภรรยาชี้ทางให้ ระหว่างทางที่เดินไปนั้น เขารู้สึกว่าถุงย่ามที่ถือมาหนักขึ้นเรื่อยๆ และหนทางก็ไกลมาก จึงหยิบเอาขมิ้นที่ภรรยาใส่มาให้ทิ้งเสียจนเกือบหมด
ครั้นเดิน ทางกลับไปถึงหมู่บ้านเดิมบรรดาญาติมิตรต่างก็ ซักถามว่าหายไปอยู่ที่ไหนมาเป็นเวลานาน ชายหนุ่มจึงเล่าให้ฟังโดยละเอียดรวมทั้งเรื่องขมิ้นที่ภรรยาใส่ย่ามมาให้แต่เขาทิ้งไปเกือบหมด เหลืออยู่เพียงแง่งเดียว พร้อมทั้งหยิบขมิ้นที่เหลืออยู่ออกมา ปรากฏว่าขมิ้นนั้นกลับกลายเป็นทองคำทั้งแท่ง
ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจและเสียดาย จึงพยายามย้อนไปเพื่อหาขมิ้นที่ทิ้งไว้ ปรากฏว่าขมิ้นเหล่านั้นได้งอกเป็นต้นไปหมดแล้ว และเมื่อขุดดูก็พบแต่แง่งขมิ้นธรรมดาที่มีสีเหลืองทองแต่ไม่ใช่ทองเหมือนแง่งที่เขาได้ไป เขาพยายามหาทางกลับไปเมืองลับแล แต่ก็หลงทางวกวนไปไม่ถูก จนในที่สุดก็ต้องละความพยายามกลับไปอยู่หมู่บ้านของตนตามเดิม
ขอบคุณ/ภาพจาก : TNEWS / เมืองลับแลมีจริงหลวงพ่อเกษม เล่าตำนานเมืองลี้ลับของชาวบังบด