องค์เทพ ตั่วเหล่าเอี้ย พิชิตมาร ขจัดศัตรูใน เทศกาลตรุษจีน
ตรุษจีน 2565 ผู้คนนิยมไปกราบไหว้ขอพรเทพองค์หนึ่งอย่างเนืองแน่น นั่นก็คือ ตั่วเหล่าเอี๊ย ณ ศาลเจ้าพ่อเสือ และเพื่อให้มีโชคมีชัยตลอดทั้งปี ชาวจีนถือเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้อง และเป็นองค์เทพที่คอยปราบปรามศัตรูอีกด้วย
วันตรุษจีน 2565 ตั่วเหล่าเอี๊ย ศาลเจ้าพ่อเสือ ตรุษจีน ปีเสือ 2565 องค์เทพ ตั่วเหล่าเอี้ย มีประวัติและที่มาอย่างไร ทำไมคนไทยเชื้อสายจีนนิยมไปกราบไหว้ ไม่เฉพาะแค่คนเกิด ปีชง2565 หรือ แก้ปีชง เท่านั้น ทำไมผู้คนนิยมไปกราบไหว้ขอพรกับองค์เทพ ตั่วเหล่าเอี้ย
ตำนานที่ 1 เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพ เฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่
มี ตำนาน เล่าขานมากมายเกี่ยวกับตั่วเหล่าเอี๊ย ชาวจีนนิยมกราบไหว้เชื่อว่ามีพลังในการปกปักอภิบาลและปราบศัตรู ขจัดสิ่งเลวร้าย ตำนานที่มาของท่านมีหลายข้อมูล เช่น เดิมมีชื่อว่า เสวียนอู่ เป็นเจ้าชายเมืองจิงหลี่ ทางตอนเหนือของเหอเป่ย สมัยจักรพรรดิเหลือง เมื่อเติบโตขึ้นพบเห็นความทุกข์ยากของราษฎรจึงคิดอยากไปบำเพ็ญเพียร ปฏิบัติธรรม
ตำนานที่ 2 เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพ เหี่ยงเทียงเสี่ยงตี่
บางตำนานบอกว่าท่านเป็นนักพรตบำเบ็ญเพียร บนเขาบู๊ตงซาน (บู้ตึ้ง) จนสำเร็จเป็นเซียน บางตำราบอกว่าท่านเป็นภาคหนึ่งของไท่ซ่งเหลากุ้น เป็นตัวแทนดาวเหนือ เต่าและงูที่ท่านเหยียบนั้นเดิมเป็นปีศาจทำร้ายมนุษย์และท่านได้ปราบสัตว์ทั้งสองจนนำมาเป็นบริวาณของท่านเอง
อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า ชายหนุ่มจากเมืองลกฮง ประเทศจีน มีอาชีพฆ่าหมูและวัวขาย วันหนึ่งกลับใจหันมาปฏิบัติธรรมตามลัทธิเต๋า โดยยินดีสละชีวิตตนเอง คว้านท้องเอากระเพาะและลำไส้ออกมาเพราะต้องการเอาชีวิตตนแลกธรรมเพื่อทดแทนบาปเคราะห์
ผลบุญนั้นส่งให้ เง็กเซียนฮ่องเต้ ประมุขแห่งสวรรค์ ประทานยศให้เป็น ผู้ตรวจภพทิศเหนือ บ้างเขียนฉายาท่านว่า เทพแห่งนักรบ หรือ 真武 (เจินอู่) หรือชื่อในภาษาแต้จิ๋วว่า เหี่ยงเทียงเสี่ยงตี่ มีธงดำเป็นอาญาสิทธิ์ ปราบปีศาจร้าย เท้าข้างหนึ่งเหยียบงู อีกข้างเหยียบเต่า มีเสือเป็นพาหนะ บางคนจึงเรียกท่านว่า เจ้าพ่อเสือ
ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธา จึงสร้างศาลเจ้าและรูปปั้นไว้เพื่อบูชา โดยใช้สัญลักษณ์เท้าเหยียบเต่า เหยียบงู และมีธงสีดำ เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ประจำกลุ่มดาวด้านทิศเหนือ หรือ ผู้พิชิตมาร ในรูปลักษณ์ขุนพลเคราดำยาว เท้าเหยียบบนหลังงูและเต่า ซึ่งถือเป็นสัตว์ประจำกาย มือขวาถือดาบชิดแชเกี่ยม มือซ้ายยกชี้ระดับหน้าอกไปยังท้องฟ้า หมายถึงการบรรลุธรรมสำเร็จเต๋า ที่ผู้คนกราบไหว้มาถึงทุกวันนี้
ตำนานเรื่อง เทพเจ้าเสือ ของจีน ผสมผสานเข้ากับตำนานของไทย เรื่องเล่าว่า นายสอนเข้าป่าไปพบซากกวางแล้วเฉือนเนื้อกวางมาให้แม่คือยายผ่องกิน ซึ่งซากกวางนั้นเกิดจากเสือกัดตาย เมื่อเสือเห็นนายสอนจึงเข้าไปขย้ำกัดแขนนายสอนขาด แต่นายสอนหนีกลับบ้านได้แล้วเล่าให้ยายผ่องฟัง ไม่นานก็ขาดใจตาย
ยายผ่องจึงร่วมกับชาวบ้านช่วยกันจับเสือ เมื่อจับได้กะฆ่าเสือให้ตายแต่ยายผ่องเกิดสงสารจึงนำเสือตัวนั้นมาเลี้ยงไว้ จนยายผ่องตายไปเสือก็เดินวนเวียนอยู่รอบกองไฟที่กำลังเผายายผ่อง จากนั้นมันก็กระโดดเข้ากองไฟตายตาม ชาวบ้านจึงร่วมกันสร้างศาลขึ้นมาอยู่ข้างวัดมหรรณพ โดยปั้นรูปเสือไว้พร้อมนำเถ้ากระดูกมาวางไว้ใต้แท่น และทำพิธีเชิญดวงวิญญาณเสือมาสิงสถิตไว้ เพื่อปกป้องคุ้มครอง
ข้อมูลจาก : ศาลเจ้าพ่อเสือ, FB: ศาลเจ้าพ่อเสือเสาชิงช้า, FB: เทพเจ้าจีน by ฟ้าประทาน