Nissan Qashqai E-Power ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า 190 แรงม้า เปิดตัวในกลางปีนี้
Nissan Qashqai E-Power เปิดตัวในยุโรปฤดูร้อนกลางปี 2565 นี้นี้ และมาด้วยสเปกมอเตอร์ไฟฟ้าถึง 190 แรงม้า เป็นโมเลดแรกของค่ายในยุโรปที่มากับขุมกำลัง E-Power
Nissan Qashqai E-Power พร้อมเปิดตัวในยุโรปฤดูร้อนกลางปี 2565 นี้นี้ และมาด้วยสเปกมอเตอร์ไฟฟ้าถึง190แรงม้า เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร ในสไตล์ของ E-Power ถือเป็นโมเลดแรกของค่ายในยุโรปที่มากับขุมกำลัง E-Power ซึ่งในบ้านเราเองนั้นคุ้นเคยกันดีกับขุมพลังนี้ในร่างของ Nissan Kicks
โดยทาง Nissan ได้เผยว่าเจ้า Nissan Qashqai E-Power เป็นรถยนต์ครอสโอเวอร์ขนาดเล็กรองลงมาจาก X-Trail ในปัจจุบัน และถือว่าเป็นครั้งแรกที่นิสสันได้มีการติดตั้งขุมพลัง e-POWER เป็นทางเลือกให้กับลูกค้าชาวยุโรป ซึ่งหลังจากวางจำหน่าย Nissan Note e-POWER ในตลาดญี่ปุ่นและ Nissan Kicks e-POWER ในตลาดไทยไปก่อนหน้านี้
ขุมพลังเจ้า Nissan Qashqai E-Power นั้นมาด้วย มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 188 แรงม้า (HP) พร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเทอร์โบชาร์จ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 156 แรงม้า (HP) ซึ่งให้พละกำลังสูงกว่าที่ติดตั้งอยู่ใน Note e-POWER และ Kicks e-POWER ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร ไร้ระบบช่วยอัดอากาศ และทำการติดตั้งระบบแป้นคันเร่ง e-Pedal Step ซึ่งสามารถเร่งและชะลอความเร็วได้ในแป้นเดียว โดยนิสสันได้ระบุว่าระบบ e-Pedal Step สามารถชะลอความเร็วคิดเป็นแรงจีสูงสุดอยู่ที่ 0.2g ซึ่งมากพอที่จะทำให้ไฟเบรกสว่างขึ้น แต่จะไม่ชะลอจนหยุดนิ่งสนิทเหมือนกับระบบ e-Pedal ของ Leaf หากแต่จะลดความเร็วเหลือเท่ากับ Walking speed
สำหรับเครื่องยนต์ที่ติดตั้งในระบบ Series Hybrid หรือ e-POWER นั้น ทำหน้าที่เพียงปั่นไฟฟ้าเพื่อป้อนไปยังแบตเตอรี่หรือมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนตัวรถ จึงไม่ต้องการวิธีเสียบปลั๊กเพื่อนำกระแสไฟฟ้าจากข้างนอกมาเก็บไว้ในรถ เพราะแบตเตอรี่ตัวไม่ใหญ่ ใช้เครื่องยนต์ปั่นไฟเข้าไปเก็บ หรือวิ่งเพื่อ Generate ตัวไฟกลับไปก็เพียงพอแล้ว ข้อดีของระบบ e-POWER คือ ได้ขับรถยนต์ไฟฟ้า โดยไม่ต้องเสียเวลาเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟฟ้า ให้เสียเวลาเลย
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอก เน้นไปในทางหรูหราทันสมัย โดยไฟหน้าทรงบูมเมอแรงแบบ 2 ชั้น ตามมาด้วยกระจังหน้าทรง V-motion ขนาดใหญ่ ตามมาที่เสา D-pillar และไฟท้ายที่ออกแบบให้ดูโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ขอบคุณที่มาจาก:https://www.sanook.com/auto/83015/