Lotus เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Eletre Hyper SUV ไฟฟ้า 100% คันเเรกของค่าย Lotus
Lotus เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า Eletre Hyper SUV ไฟฟ้า 100% คันเเรกของค่าย Lotus เป็นรถรุ่นแรกที่มี LiDAR ใช้ร่วมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กม./ชาร์จ ดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย
Lotus Eletre Hyper SUV ไฟฟ้า 100% คันเเรกของค่าย Lotus และมีจำหน่ายในไทยแน่นอน สำหรับเเฟนๆ Lotus รอได้เลย โดยเจ้า Lotus Eletre Hyper SUV เป็นรถรุ่นแรกที่มี LiDAR ใช้ร่วมกับระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และสามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กม./ชาร์จ ดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย และถูกสร้างภายใต้แนวคิด “Born British, Raised Globally” ด้วยการผนวกเอางานออกแบบจากประเทศอังกฤษ และงานด้านวิศวกรรมจากทีมโลตัสทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน
Lotus Eletre Hyper SUV จะถูกผลิตขึ้นในโรงงานของ Geely ที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แต่เกิดจากการวิจัยและพัฒนาที่ใช้ทีมประเทศอังกฤษเป็นหลัก พร้อมกับความร่วมมือกับทีมงานในประเทศจีน ประเทศสวีเดน และ ประเทศเยอรมนี แต่ถ้าเป็นส่วนงานออกแบบภายนอก-ภายใน จะใช้ทีมเฉพาะทางที่ตั้งอยู่ที่ Lotus Tech Creative Centre (LTCC) เมือง Warwick ประเทศอังกฤษ
Lotus Eletre Hyper SUV ไฟฟ้า 100% สามารถขับเคลื่อนตัวเองได้อย่างสมบูรณ์ด้วยเซ็นเซอร์ LiDAR แบบ Pop-out และยังมีการปล่อยเซ็นเซอร์แบบกลับหลัง ยิงผ่านเซ็นเซอร์จากสปอยเลอร์หลังคาด้านหลังแบบคัตเอาท์
Lotus Eletre มีขนาดตัวรถทั้งคันพอ ๆ กับ Lamborghini Urus
มอเตอร์ไฟฟ้าของ Lotus Eletre Hyper SUV จะมีพละกำลังขั้นต่ำอยู่ที่ 600 แรงม้า (HP) ขึ้นไป พกพาแบตเตอรี่ขนาดใหญ่กว่า 100+ kWh ขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD
โลตัสเคลมว่าสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาไม่ถึง 3 วินาที
ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กม./ชม. ซึ่งถือว่าเร็วมาสำหรับรถในแบบ SUV
โลตัสยังไม่เผยรายละเอียดมากนัก ความจุแบตเตอรี่ไม่ต่ำกว่า 100 kWh ซึ่งตั้งเป้าให้มีระยะทางขับขี่ตามมาตรฐาน WLTP ประมาณ 600 กิโลเมตรต่อการชาร์จแต่ละครั้ง
สามารถรองรับการชาร์จด่วนแบบ 350 กิโลวัตต์ ที่ให้ระยะการเดินทาง 400 กิโลเมตร ภายในระยะเวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
- กระแสสลับ AC รองรับสูงสุด 22 kW
- กระแสตรง DC รองรับสูงสุด 350 kW
Lotus Eletre Hyper SUV
ดีไซน์สปอร์ตภายนอกดูทันสมัย และมาพร้อมหลังคากระจกแบบ Panoramic Glass Roof ตามมาด้วยปีกหลังแบบ Active ที่จะช่วยเรื่อง Aero Dynamic ระหว่างการขับขี่ เพิ่มความปราดเปรียวและสมรรถนะที่ดี ซึ่งสร้างขึ้นบนพื้นฐาน Electric Premium Architecture (EPA) ที่เน้นจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อการควบคุมที่แม่นยำ และยังเป็น Modular Platform ที่สามารถขยายขนาดได้ ตั้งแต่ C+ ไปจนถึง E+ ทำให้รองรับการติดตั้งแบตเตอรี่ มอเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และใช้โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก
ด้านหน้ามีงานออกแบบ เส้นสายแบบรถสปอร์ต ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Emira และ Evija ไฟหน้าแบบ 2 ชิ้น ด้านบนที่เพรียวบางประกอบไปด้วยไฟ DRL และ ไฟเลี้ยวแบบ scrolling directional indicators ในขณะที่ไฟหน้าแบบ matrix LED จะถูกซ่อนตัวอยู่ในกระจังหน้า ซึ่งมาในรูปแบบ Active grille รูปทรงสามเหลี่ยมสะดุดตา สามารถเปิด-ปิด เพื่อให้รับกับความเร็วได้ ชิ้นส่วนตัวถังทำจากอลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์
มิติตัวถัง:
ความยาว: 5,103 มม. ความกว้าง: 2,135 มม. (รุ่นที่ติดตั้งกระจกมองข้างแบบกล้อง) 2,231 (รุ่นที่ติดตั้งกระจกมองข้าง) ความสูง: 1,6302 มม. ฐานล้อ: 3,019 มม.
ด้านข้างของตัวรถ มีงานออกแบบที่รับกันช่องดักลมขนาดใหญ่ของซุ้มล้อหน้า ประตูทุกบานติดตั้งมือจับแบบ Flush ที่ซ่อนตัวกลมกลืนไปกับตัวถัง พร้อมช่องชาร์จไฟที่มีฝาปิดแบบไฟฟ้าอยู่ที่ซุ้มล้อคู่หน้า
ที่เสา D ด้านหลังรถมีการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยช่องลมรูปทรง Air blade เพื่อลดแรงต้านอากาศ กระจกมองข้างสามารถเลือกติดตั้งเป็นแบบไฟฟ้า Electric Reverse Mirror Display (ERMD) ที่ติดตั้งกล้องจำนวน 3 ตัว ทำหน้าที่แตกต่างกัน อาทิ ฉายภาพด้านข้างตัวรถไปยังจอแสดงผลภายในตรงประตูคู่หน้า ฉายภาพมุมสูงเพื่อรองรับระบบกล้องรอบคัน 360 องศา และกล้องความเร็วสูงซึ่งจะทำงานร่วมกับ ระบบความปลอดภัยอื่นๆ
พร้อมไฟท้าย LED แบบเส้นยาวตลอดความกว้างของตัวรถ ที่รวมไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟถอย เข้าไว้ด้วยกันด้วยหลอดจำนวน 4 สี และยังเพิ่มลูกเล่น Dynamic light ที่สามารถโชว์ความสวยงามขณะปลดล๊อครถได้ รวมไปถึงการบอกสถานะของแบตเตอรี่อีกด้วย พร้อมติดตั้งโลโก้ L O T U S ที่ด้านใต้ไฟท้าย กลางฝากระโปรงหลัง อีกหนึ่งไฮไลท์ก็คือ สปอยเลอร์แบบพับเก็บอัตโนมัติที่ด้านบนของฝากระโปรงท้าย ที่สามารถปรับมุมยกได้ 3 ระดับ ตามโหมดการขับขี่
ภายในห้องโดยสาร Lotus Eletre Hyper SUV เบาะนั่งแบบแยกจำนวน 4 ตัว คอนโซลระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าพร้อมที่วางแก้วแบบมีฝาปิดเมื่อไม่ใช้งาน ที่ชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย บาะนั่งคู่หลังติดตั้งคอนโซลกลางด้านหลังที่มีจอ Touchscreen ขนาด 9 นิ้ว เรือนไมล์ที่ตั้งสูงเลยพวงมาลัยแบบรถทั่วไป แต่จะใช้หน้าจอที่มีความสูงเพียง 3 เซนติเมตร ซึ่งจะติดตั้งทั้งฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า โดยทั้ง 2 จอจะถูกคั่นกลางด้วยจอกลาง Touchscreen แบบ OLED ขนาดใหญ่ถึง 15.1 นิ้ว ที่สามารถปรับมุมเอียงและพับให้ราบไปกับแนวคอนโซลได้ นอกจากนี้ยังมี Head-up display ที่ติดตั้ง Augmented Reality (AR) สำหรับบอกข้อมูลที่สำคัญกับผู้ขับขี่
การควบคุมฟังก์ชั่นที่สำคัญ เช่น ระบบปรับอากาศ และปุ่มควบคุมต่างๆ บนพวงมาลัย เกือบทั้งหมด
เครื่องเสียงจากอังกฤษ แบรนด์ KEF ในรุ่นเริ่มต้นมากับกำลังขับ 1,380 W พร้อมลำโพงจำนวน 15 ชิ้น ติดตั้งเทคโนโลยี Uni-Q ที่แยกเสียงกลางและเสียงเบสผ่านลำโพงชิ้นเดียวกัน รวมไปถึงระบบ Surround sound นอกจากนี้ยังสามารถอัพเกรดเป็นกำลังขับ 2,160 W พร้อมลำโพงจำนวน 23 ชิ้น ที่เพิ่มเทคโนโลยี Uni-Core ซึ่งเป็นการลดขนาดลำโพง Subwoofer โดยที่ยังคงไว้ซึ่งพลังเสียง พร้อมระบบ 3-D surround sound
ระบบ UI/UX ที่ลดขั้นตอนการเข้าถึงฟังก์ชั่นกว่า 95% ของหน้าจอกลางให้น้อยกว่าการสัมผัส 3 ครั้ง พร้อมการอัพเดทแบบ Over The Air (OTA) ที่นอกจากจะอัพเกรดระบบ Infotainment แล้วยังสามารถอัพเกรดระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของ LIDAR ให้ตรงกับข้อกำหนดในแต่ละประเทศในอนาคต
โดยจะพร้อมส่งมอบไปยังประเทศจีนและยุโรปในปี 2023 เป็นต้นไป หลังจากนี้ Lotus เตรียมเปิดตัวรถ EV อีกกว่า 3 รุ่น ได้แก่ Type 133 รถ EV ทรง 4 ประตู Coupe คู่แข่ง Porsche Panamera ในปี 2023 / Type 134 รถ Crossover ขนาดเล็กกว่า 132 ที่จะประกบ Porcshe Macan ในปี 2024 และType 135 รถสปอร์ตที่พัฒนาร่วมกับ Ranault-Alpine ในปี 2026 ในขณะที่ Emira จะเป็น Lotus รุ่นสุดท้ายที่ทำตลาดในขณะนี้
ขอบคุณที่มาจาก:https://www.headlightmag.com/2022-03-30-new-cars-worldwide-lotus-eletre-suv/