เผยราคาอย่างเป็นทางการรถยนต์ All new Honda CR-V 2023 ใหม่ ทั้ง 5 รุ่นย่อย
ราคาอย่างเป็นทางการ สำหรับเจ้ารถยนต์ All new Honda CR-V 2023 ใหม่ มีให้เลือก 2 รุ่น (e:HEV / VTEC TURBO) ราคา 1,419,000 - 1,729,000 บาท
เผยราคาอย่างเป็นทางการรถยนต์ All new Honda CR-V 2023 ใหม่ ทั้ง 5 รุ่นย่อย
ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว All new Honda CR-V 2023 Generation 6 ในประเทศไทยประเทศแรกในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร VTEC TURBO และไฮบริด e:HEV 2.0 ลิตร แบ่งออกเป็น 5 รุ่นย่อย เคาะราคาจำหน่าย 1,419,000 - 1,729,000 บาท
All new Honda CR-V 2023 เจเนอเรชันที่ 6 ใหม่ มีทั้งหมด 5 รุ่นย่อย ดังต่อไปนี้
Full-hybrid e:HEV 2.0
- รุ่น e:HEV RS 4WD (5 ที่นั่ง) ราคา 1,729,000
- รุ่น e:HEV ES (5 ที่นั่ง) ราคา 1,589,000 บาท
1.5 VTEC TURBO
- รุ่น EL 4WD (7 ที่นั่ง) ราคา 1,649,000 บาท
- รุ่น ES 4WD (5 ที่นั่ง) ราคา 1,599,000 บาท
- รุ่น E (5 ที่นั่ง) ราคา 1,419,000 บาท
รูปลักษณ์ภายนอก เริ่มกันที่กระจังหน้าดีไซน์ใหม่สีดำ Piano Black ตกแต่งด้วยโครเมียม (เฉพาะรุ่น E) กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับไฟฟ้าพร้อมพับเก็บอัตโนมัติ และไฟหน้าและไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED รวมไปถึงไฟเลี้ยวด้านหน้าแบบ LED Sequential พ่วงด้วยไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED ในส่วนของไฟท้ายเป็นแบบ LED ตามสมัยนิยม ฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี พร้อมระบบปิดอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Hands-Free Power Tailgate with Walk Away Close, เสาอากาศแบบครีบฉลามเพิ่มความหรูหราด้วยหลังคาซันรูฟไฟฟ้าแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ปลอกท่อไอเสียสเตนเลสคู่ ปิดท้ายด้วย ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 18 นิ้ว
ส่วนในรุ่น e:HEV RS 4WD เพิ่มเติมด้วยดีไซน์ภายนอกเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะรุ่น RS ประกอบด้วย สัญลักษณ์ RS บนกระจังหน้า, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวสีดำ Piano Black, กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถ, ชายกันกระแทกด้านข้างสีเดียวกับตัวรถ, คิ้วตกแต่งประตูข้างสีดำ Glossy Black, ไฟตัดหมอกหลัง LED, สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถและสีดำ Piano Black, เสาอากาศแบบครีบฉลามสีดำ Piano Black และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
ขุมพลังเครื่องยนต์มีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่
- เครื่องยนต์ฟูลไฮบริด e:HEV ทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle และมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า (มอเตอร์ไฟฟ้า) แรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร (มอเตอร์ไฟฟ้า) ส่งกำลังด้วยเกียร์ E-CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 20.8 กม./ลิตร พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ Drive Mode Switch ปรับได้ 3 โหมด (Sport / Normal / ECON)
- เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร VTEC TURBO DOHC Direct Injection ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14.3 กม./ลิตร และรองรับน้ำมันทางเลือก E85 ได้
ภายในห้องโดยสารของ Honda CR-V 2023 ใหม่ มีทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานประกอบด้วย ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งผู้ขับขี่ (Driver Memory Seat), ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร (Ambient Light), ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster, ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3 (เฉพาะรุ่น EL 4WD) และไฟอ่านหนังสือด้านหลัง LED แบบสัมผัส
ในรุ่น e:HEV RS 4WD เพิ่มเติมด้วย Honda Smart Key Card, ระบบฟอกอากาศภายในห้องโดยสาร Plasmacluster, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา แบบ i-Dial Zone และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารแถวที่ 3
ทุกรุ่นของ All new Honda CR-V 2023 ใหม่ ติดตั้งเบาะนั่งด้านหลัง Rear Seat Sliding เลื่อนและแยกพับแบบ 60:40 โดยรุ่น 5 ที่นั่ง สามารถพับเบาะหลังทั้ง 2 ด้านได้แบบเรียบ (Untility Mode) ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะนั่งด้านหน้าและด้านหลัง (Long Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของในแนวยาว
รุ่น 7 ที่นั่ง (เฉพาะรุ่น EL 4WD) สามารถปรับพับเบาะนั่งด้านหลังแถวที่ 3 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ หรือปรับพับเบาะทั้งแถวที่ 2 และแถวที่ 3 ลงในแนวราบ (Utility Mode) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมภาระด้านท้าย และสามารถปรับพับเบาะด้านหน้าและด้านหลังทั้งแถวที่ 2 และ 3 (Long Mode) เพื่อเก็บสัมภาระในแนวยาว พร้อมติดตั้งหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 10.2 นิ้ว เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสแบบ Advanced Touch ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto (ผ่าน USB) รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri และ Android Auto พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) และช่อง USB 4 ตำแหน่ง (USB-C 3 ตำแหน่ง)
ในรุ่น e:HEV RS 4WD เพิ่มเติมด้วย ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-up Display: HUD), ระบบเครื่องเสียง BOSE พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง และระบบนำทางเนวิเกเตอร์
ทุกรุ่นย่อยถูกติดตั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องด้านหน้าและเรดาร์ เพื่อใช้ในการตรวจจับรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จักรยาน และคนเดินถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) หรือ ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive Driving Beam:ADB) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD)
ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
ขณะที่อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐานอื่นๆ ได้แก่ ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-view Camera System: MVCS), เซ็นเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด, ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (Hill Descent Control: HDC), ไฟส่องสว่างด้านข้างอัตโนมัติขณะเลี้ยว (Active Cornering Light: ACL), ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor) และระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle
Selectors) (เฉพาะรุ่น e:HEV)
ตัวถังมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่
- สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD และ e:HEV ES
- สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น e:HEV RS 4WD
- สีขาวแพลทินัม (มุก)
- สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
- สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
- สีดำคริสตัล (มุก)