3 วิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว ใครๆก็ทำได้ ไม่ต้องเป็นหนี้ถึง 30 ปี
เปิด 3 วิธีผ่อนบ้านอย่างไรให้หมดเร็ว โปะบ้าน ปลอดหนี้ ทันใจมนุษย์เงินเดือน ใครๆก็ทำได้ไม่ต้องเป็นหนี้ถึง 30 ปี
ผ่อนบ้านอย่างไรให้หมดเร็ว เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตที่คนกู้ซื้อบ้านอยากรู้มากที่สุด ว่าจะทำอย่างไรดีให้หนี้ก้อนใหญ่ที่มีระยะเวลาในการผ่อนนับสิบปี หรือบางคนอาจกู้ยาวๆไปถึง 20-30 ปี ซึ่งนับว่าเป็นหนี้ไปแล้วค่อนชีวิต แถมดอกเบี้ยบ้านที่จ่ายไปรวมๆแล้วก็ไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนจึงว่าหาวิธีผ่อนบ้านให้หมดเร็ว เพื่อไม่ให้เป็นภาระยาวๆในอนาคต
3 วิธีง่ายๆผ่อนบ้านให้หมดไว
วิธีที่ 1 จ่ายค่างวดตรงเวลา การจ่ายค่างวดตรงเวลาทำให้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม และยอดเงินกู้บ้านลดลงตามที่ควรจะเป็น ถ้าผู้กู้จ่ายค่างวดช้า ยอดเงินกู้บ้านก็จะลดลงช้า ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่มสูงขึ้น และยังอาจจะโดนปรับคิดดอกเบี้ยในอัตราผิดนัดชำระหนี้ที่สูงกว่าดอกเบี้ยปกติ
วิธีที่ 2 รีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี โดยทั่วไปในช่วงการผ่อน 3 ปีแรก ธนาคารมักให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษที่ค่อนข้างต่ำ และจากปีที่ 4 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยมักปรับสูงขึ้นและเป็นแบบลอยตัว การรีไฟแนนซ์จึงเป็นวิธีที่ช่วยทำให้เราได้ผ่อนบ้านในอัตราดอกเบี้ยต่ำอีกครั้ง ทำให้ค่างวดที่จ่ายนั้นมีส่วนที่เหลือจากการจ่ายดอกเบี้ยแล้วไปตัดยอดเงินกู้ได้มากขึ้น แต่การรีไฟแนนซ์ก็มีค่าใช้จ่ายที่ต้องพิจารณาด้วย เช่น ค่าประเมินหลักทรัพย์ ค่าจดจำนองใหม่ และค่าอากร ดังนั้นจึงควรเปรียบเทียบให้ดีว่าคุ้มค่ากับดอกเบี้ยที่ลดลงหรือไม่
วิธีที่ 3 การจ่ายโปะ หรือการจ่ายเกินค่างวดที่กำหนด ส่วนที่โปะหรือจ่ายเกินจะไปตัดยอดเงินกู้ให้ลดลงเร็วขึ้น ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายหลังจากนั้นลดลงไปด้วย ซึ่งสามารถจ่ายโปะได้ทุกเมื่อตามความสะดวก บางคนโปะทุกเดือน บางคนโปะทุกครั้งที่ได้รับเงินก้อน เช่น รับโบนัส หรือถูกลอตเตอรี่ แต่การโปะก็มีข้อเสียคือ เงินที่จ่ายโปะไปแล้ว เป็นการจ่ายแล้วจ่ายเลย นำกลับคืนมาไม่ได้ ถ้าเรามีเหตุฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงินก้อน คงต้องลำบากไปหาเงินเพิ่มหรือต้องไปกู้เงินมาใช้ ซึ่งอาจต้องเสียดอกเบี้ยสูงมาก
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้เงินผ่อนบ้านหมดเร็ว ควรต้องเหลือเงินเก็บกันเงินไว้ในแต่ละเดือนด้วย เพื่อไว้ใช้จ่ายยามฉุกเฉิน หรือแบ่งสัดส่วนเงินเก็บ เงินลงทุน เงินเอาไว้จ่ายหนี้ให้เพียงพอต่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย ซึ่งถ้าหากใครเลือกวิธีการจ่ายโปะ ควนต้องเหลือเงินไว้ใช้จ่ายด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาด้านการเงินตามมาได้ในอนาคต
ขอบคุณที่มา : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา