ยานยนต์

heading-ยานยนต์

ใช้รถต้องรู้! 5 เทคนิคขับรถเกียร์ออโต้ให้ประหยัดน้ำมัน

01 พ.ค. 2567 | 16:49 น.
ใช้รถต้องรู้! 5 เทคนิคขับรถเกียร์ออโต้ให้ประหยัดน้ำมัน

น้ำมันแพงขึ้นตลอด คงจะดีไม่น้อยถ้ามีวิธีประหยัดค่าน้ำมันได้ง่ายๆ ซึ่งทางเรา มี 5 เทคนิคขับรถเกียร์ออโต้อย่างไรให้ประหยัดน้ำมัน โดยไม่ต้องเงินสักบาทเดียว

ใช้รถต้องรู้! 5 เทคนิคขับรถเกียร์ออโต้ให้ประหยัดน้ำมัน 

ใช้รถต้องรู้! 5 เทคนิคขับรถเกียร์ออโต้ให้ประหยัดน้ำมัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

1. ค่อยๆ ออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง - ช่วงขณะเพิ่มความเร็วของรถยนต์ เป็นช่วงที่เครื่องยนต์จะกินน้ำมันมากที่สุด จึงควรเพิ่มความเร็วแบบไม่ต้องรีบร้อน ประคองคันเร่งให้เกียร์เปลี่ยนที่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 2,000 - 2,500 รอบต่อนาทีไม่เกินนี้ จะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองลงได้ แถมยังเป็นการถนอมเครื่องยนต์และเกียร์ไปในตัวอีกด้วย

 

2. รักษาความเร็วคงที่ - เมื่อได้ความเร็วที่ต้องการแล้ว ควรประคองคันเร่งให้นิ่งเพื่อรักษาความเร็วคงที่อย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการเร่งแซงที่ไม่จำเป็น และลดการเหยียบเบรกให้น้อยลงบนพื้นฐานของความปลอดภัย จะช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมันได้ โดยความเร็วที่ประหยัดน้ำมันที่สุดจะอยู่ช่วงระหว่าง 90 - 110 กม./ชม.

3. ปรับอุณหภูมิแอร์สูงขึ้นเล็กน้อย - การปรับอุณหภูมิแอร์สูงขึ้นเพียงเล็กน้อยประมาณ 1-2 องศาเซลเซียส จะช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ลง และเพิ่มอัตราการประหยัดน้ำมันได้

 

4. เข้าเกียร์ N ขณะหยุดติดไฟแดง - รถเกียร์ออโต้ควรเข้าเกียร์ว่าง หรือ N ขณะหยุดติดไฟแดงเกิน 10 วินาทีขึ้นไป จะช่วยลดโหลดของเครื่องยนต์ ส่งผลให้อัตราสิ้นเปลืองลดลงไปด้วย แต่หากกังวลว่ารถจะไหลโดยไม่ตั้งใจควรใส่เบรกมือหรือเหยียบเบรกค้างไว้

 

5. เติมลมยางแข็งกว่าปกติเล็กน้อย - รถยนต์ทุกคันควรเติมแรงดันลมยางให้ได้ตามที่ผู้ผลิตกำหนดไว้เสมอ แต่หากต้องการความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น ให้เติมลมยางเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3-5 PSI จากที่ผู้ผลิตระบุ จะช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างหน้ายางและพื้นถนน ทำให้รถประหยัดน้ำมันมากขึ้น

 

ทั้งนี้ นี้ยังควรนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถเพื่อลดน้ำหนักลงให้มากที่สุด และดูแลรักษาเครื่องยนต์และชิ้นส่วนต่างๆ ให้มีสภาพดีอยู่เสมอ ก็จะช่วยเพิ่มความประหยัดได้มากขึ้น แนะนำให้ลองเปลี่ยนน้ำมันที่เคยเติม หรือเปลี่ยนแบรนด์ที่เคยเติมอยู่ จากนั้นก็จดอัตราการสิ้นเปลืองง่ายๆ หรือใช้ระบบ TRIP Meter ที่อยู่ในรถช่วยบันทึกเอาไว้ ก็ทำให้เราเห็นความต่างว่าจะประหยัดน้ำมันได้มากน้อยแค่ไหน แต่บอกไว้ก่อนว่า รถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน การใช้งานของแต่ละคนก็แตกต่างกัน ผลที่ได้อาจจะไม่เหมือนกันนั่นเอง.  

 


 
 

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

นางเอกดัง "เบลล่า ราณี"  สุดเศร้า สูญเสียคุณยายอันเป็นที่รัก

นางเอกดัง "เบลล่า ราณี" สุดเศร้า สูญเสียคุณยายอันเป็นที่รัก

"เบิร์ด เทคนิค" สูญเสียครั้งใหญ่ สุดเศร้าโลกนี้ช่างใจร้ายกับผม

"เบิร์ด เทคนิค" สูญเสียครั้งใหญ่ สุดเศร้าโลกนี้ช่างใจร้ายกับผม

ข่าวดี รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึงสิ้นเดือนนี้

ข่าวดี รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึงสิ้นเดือนนี้

โดนแล้ว "พีช สมิทธิพัฒน์" สารภาพ 3 ข้อหา เผยค่าปรับที่ต้องชดใช้

โดนแล้ว "พีช สมิทธิพัฒน์" สารภาพ 3 ข้อหา เผยค่าปรับที่ต้องชดใช้

รวบ 2 จิ๊กโก๋ รัวปืนกลางงานวัด บาดเจ็บ 3 ราย พบมีคดีติดตัวทั้งคู่

รวบ 2 จิ๊กโก๋ รัวปืนกลางงานวัด บาดเจ็บ 3 ราย พบมีคดีติดตัวทั้งคู่