ประกันสังคมปรับเพิ่ม เงินสงเคราะห์บุตร ส่งเสริมการมีลูก
เพิ่มเงินอุดหนุนบุตร ข่าวดีสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ประกันสังคมมีมาตรการใหม่ โดยปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ครอบครัวมีลูกมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมไทยในระยะยาว
ประกันสังคม ปรับเพิ่ม เงินสงเคราะห์บุตร แล้ว ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนมีบุตรมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุ การปรับเพิ่มครั้งนี้จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรให้กับผู้ประกันตน
เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงแนวคิดการให้เงินสงเคราะห์บุตรว่า การสงเคราะห์บุตร ของสำนักงานกองทุนประกันสังคม ก่อนหน้านี้ให้ 800 บาทต่อเดือน แต่ในปี 2568 ให้เพิ่มเป็น 1,000 บาทต่อเดือน และผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุนประกันสังคมเรียบร้อยแล้ว แต่ส่วนตัวต้องการจะเพิ่มแรงจูงใจในการให้ผู้ใช้แรงงาน ตามมาตรา 33 มีบุตรเพิ่มอีก
เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร 3,000 บาท รมว.แรงงาน ระบุว่า มีแนวความคิดจะเพิ่มประชากรให้กับประเทศ โดยคนไทย เพราะผู้ใช้แรงงานมีความกังวลว่า เมื่อคลอดบุตรแล้วจะมีภาระการเลี้ยงดูบุตร ทั้งการเรียนในสังคมเมือง มีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง
ฝากปลัดแรงงาน หารือกับบอร์ดประกันสังคม ผู้ใช้แรงงานตามมาตรา 33 เมื่อมีบุตรเพิ่มขึ้นไปเลี้ยงดูในชนบท หรือในต่างจังหวัดจะให้ค่าสงเคราะห์บุตรจากเดือนละ 1,000 บาทต่อเดือน เพิ่มเป็นเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือน ตลอดระยะเวลา 7 ปี
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ยอมรับว่าประกันสังคมต้องควักเงินอีกก้อนใหญ่ใหญ่ก้อนหนึ่ง แต่เป็นการสร้างความถาวร ให้กับแรงงานของประเทศไทยโดยการเพิ่มประชากรคนไทย ปัจจุบันนี้มีผู้ที่เกิดใหม่ กับผู้ที่เสียชีวิตไปไม่เท่ากัน ผู้เสียชีวิตมีมากกว่าคนที่เกิดใหม่
ดังนั้นคิดว่าประกันสังคมต้องสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกันตนว่าถ้าสามารถกําเนิดบุตรเพิ่มขึ้นหนึ่ง คนค่าเลี้ยงดูบุตรจะให้เพิ่มจาก 1,000 บาทต่อเดือน เป็น 3,000 บาทต่อเดือน
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า มาตรการนี้ คือแนวความคิดที่ตกผลึกว่าการที่จะสร้างให้ประเทศไทยเรามีการสร้างประชากรเพิ่มขึ้น สำนักงานประกันสังคมเป็นส่วนที่สําคัญที่สุดและอยากจะเชิญชวนให้ผู้ใช้แรงงานได้มีบุตรเพิ่มขึ้น เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับแรงงานของประเทศไทย
ส่วนจะมีการกำหนดจำนวนบุตรหรือไม่นั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ประมาณการไม่ได้แล้วแต่ผู้ประกันตน ถ้าใครอยู่ในมาตรา 33 เราให้เลย 1 คน 2 คน 3 คน แล้วแต่