ไมโครกรีน ผักงบน้อยแต่กำไรสูง ปลูกง่าย โตไว ชนิดไหนกำลังบูม

ไมโครกรีน หรือ พืชต้นอ่อน ผักงบน้อยแต่กำไรสูง ปลูกง่าย โตไว แถมยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง อีกทางเลือกเกษตรกรยุคใหม่
ไทยวิถีวันนี้ ขอแนะนำผัก "ไมโครกรีน" หรือพืชต้นอ่อนกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก ด้วยการปลูกที่ง่าย ใช้พื้นที่น้อย แต่ให้ผลตอบแทนสูง ทั้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่มากกว่าผักทั่วไปหลายเท่า มาดูกันว่าไมโครกรีนชนิดไหนที่กำลังขายดี และทำไมมันถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในยุคนี้
ไมโครกรีน ผักงบน้อยแต่มีมูลค่า ไมโครกรีนคือพืชต้นอ่อนที่ปลูกง่าย โตไว และมีมูลค่าสูง เช่น ต้นอ่อนทานตะวัน คะน้า กวางตุ้ง เรดิช มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าผักโตเต็มที่ 4-40 เท่า ใช้พื้นที่ปลูกน้อยสามารถปลูกในถาด บนชั้นวางหรือโต๊ะขนาดเล็ก และถ้าถามถึง ไมโครกรีนชนิดไหนขายดี??
ต้นอ่อนทานตะวัน
-ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 7-10 วัน
-ราคาขาย (บาท/กก.) 300-500
-จุดเด่น โตเร็ว รสชาติดี
ต้นอ่อนผักบุ้ง
-ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 5-7วัน
-ราคาขาย (บาท/กก.) 200-300
-จุดเด่น โตไว ต้นทุนต่ำ
ต้นอ่อนคะน้า
-ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 7-10วัน
-ราคาขาย (บาท/กก.) 400-600
-จุดเด่น กรอบ หวาน
ต้นอ่อนกวางตุ้ง
-ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 7-10 วัน
-ราคาขาย (บาท/กก.) 400-600
-จุดเด่น นิยมทำสลัด
ต้นอ่อนแรดิช
-ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 8-12วัน
-ราคาขาย (บาท/กก.) 800-1,500
-จุดเด่น สีสวย ตลาดระดับสูง
ต้นอ่อนบีทรูท
-ระยะเวลาเก็บเกี่ยว 10-14วัน
-ราคาขาย (บาท/กก.) 1,000-2,000
-จุดเด่น วิตามิน สูงขายแพง
แนะนำมือใหม่ เริ่มจาก ต้นอ่อนทานตะวัน หรือ คะน้า เพราะโตเร็วขายง่าย
ต้นทุนและรายได้ไมโครกรีน
ต้นทุนเริ่มต้น (10ถาดปลูก/เดือน)
เมล็ดพันธุ์ : 500บาท(ใช้ได้หลายครั้ง)
ถาดปลูก : 10ใบx30 บาท =300
ดินปลูก : 200 บาท
อุปกรณ์อื่นๆ(ไฟปลูก,สเปรย์น้ำ) : 1,000 บาท(ใช้ได้นาน)
รวมต้นทุนเริ่มต้น : 2,000 บาท
รายได้
1 ถาดผลผลิตประมาณ 300-500 กรัม
10 ถาด = 3.5 กก/รอบ(ปลูกได้3-4รอบ/เดือน)
ราคาขายตลาด 400-1,000 บาท/กก
รายได้เฉลี่ย 5,000-20,000 บาท/เดือน
ข้อดีของธุรกิจไมโครกรีน
ลงทุนต่ำ กำไรดี
ใช้พื้นที่น้อย
ตลาดเติบโตสูง
ทำเป็นธุรกิจเสริมหรือหลักได้