Tesla รายได้ต่ำกว่าคาด-หุ้นขาลง อีลอน มัสก์ เผยจะหั่นราคารถ Tesla ลงอีก
แม้ไตรมาส 3 รายได้ลดลงกว่า 40% อีลอน มัสก์ เผยจะหั่นราคารถ Tesla ลงอีก หรือจะเป็นการส่งสัญญาณเตือนอันน่ากังวลในธุรกิจรถ EV
Tesla รายได้ต่ำกว่าคาด-หุ้นขาลง อีลอน มัสก์ เผยจะหั่นราคารถ Tesla ลงอีก
Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Ev จากสหรัฐอเมริกา ที่ล่าสุดผลดำเนินงานไตรมาส 3 ของปี 66 Tesla มีรายได้สุทธิอยู่ที่ 1.9 พันล้านเหรียญ ลดลง 44% ทำรายรับรวมทั้งหมด 2.33 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นเพียง 9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ โดยมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดมาจากยอดขายกลุ่มยานยนต์ 1.96 ล้านเหรียญ โตเพียง 5% กลุ่มพลังงาน 1.5 พันล้านเหรียญ และกลุ่มบริการอื่นๆ 2.1 พันล้านเหรียญ
ซึ่งกำไรที่ได้ขั้นต้นอยู่ที่ 4.1 พันล้านเหรียญ อัตรากำไรจากการดำเนินงานรวมอยู่ที่ 7.6% ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วที่ 17.2% กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.66 เหรียญต่อหุ้นสืบเนื่องจากการลดราคาหลายครั้งในสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ไทย และตลาดอื่นๆ พร้อมการค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการพัฒนา Cybertruck ท่ีจะยังดำเนินต่อไปในปลายปีนี้ โดยมีกำหนดการส่งมอบครั้งแรกในวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ Giga Texas รวมถึงการพัฒนาซอฟต์แวร์ฮาร์ดแวร์ AI และอัปเกรดโรงงานเพิ่มเติม
ทางด้าน อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของ Tesla แสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกที่อัตราดอกเบี้ยยังคงปรับตัวสูง พร้อมประกาศว่าบริษัทต้องการทำให้รถ EV มีราคาที่ถูกลง โดยระบุว่า หากอัตราดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับสูงหรือสูงขึ้นไปอีก การซื้อรถก็จะยากขึ้นมาก เราเข้าใจดีว่าต้นทุนมีความสำคัญเพียงใด เพื่อให้ได้ปริมาณการผลิตและมีกระแสเงินสดเป็นบวก แต่เราต้องการทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีราคาไม่แพงมากเกินไป เพื่อให้ผู้คนสามารถซื้อได้
เมื่อส่องผู้ผลิตรถ EV รายอื่น ๆ อย่าง Ford, General Motors, และ Stellantis NV ที่มีฐานผลิตในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกนของสหรัฐ พบว่า บริษัทเหล่านี้มีต้นทุนที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับ Tesla เพราะเป็นลูกจ้างในกลุ่มสหภาพแรงงาน ทำให้สามารถเรียกร้องค่าแรงได้สูงกว่า
ดังนั้น ขนาด Tesla ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ยังทำกำไรงามได้ยาก บริษัท EV อื่น ๆ ก็คงประสบปัญหาหนักกว่า อีกทั้งการชะลอตัวของธุรกิจ Tesla ยังส่งผลกระทบต่อบรรดาซัพพลายเออร์ในอุตสาหกรรม EV ด้วย
ทั้งนี้ Tesla ยังคงเชื่อมั่นดยมองว่ายังเป็นผู้นำ EV และช่วงนี้ บริษัทอาจจำเป็นต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (เช่น สงครามอิสราเอล-ฮามาส สงครามการค้าจีน-สหรัฐ) การบริโภคที่ลดลง และดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก แม้ว่าในระยะสั้น ราคาหุ้น Tesla จะได้รับผลกระทบ แต่ในระยะยาวมีโอกาสเติบโตต่อ
Cr . bloomberg