ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น?
ซึ่งปัจจุบันรถยนต์มือสองกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาพเศรษฐกิจ รวมไปถึง ในเรื่องของภาษีที่แพงกว่า รถยนต์ใหม่ป้ายเเดง ในกรณีที่ผู้ซื้อจัดไฟแนนซ์ แต่ในกรณีที่สังเกตุได้คือ รถยุโรป มือสอง ราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น สาเหตุเป็นเพราะอะไร ไปหาคำตอบกันเลยครับ
ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น?
4 เหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น
1.รถยุโรปค่าซ่อมแพงกว่า
รถยุโรปเมื่อผ่านการใช้งานประมาณ 5-7 ปีขึ้นไป จำเป็นจะต้องเข้ารับการซ่อมบำรุงรายการที่นอกเหนือจากการตรวจเช็กระยะตามปกติ ซึ่งค่าซ่อมบำรุงของรถยุโรปมักจะสูงกว่ารถญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าจะนำรถเข้าอู่นอกก็ตาม ส่งผลให้ความนิยมในตลาดรถมือสองค่อนข้างจำกัด จึงทำให้ราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่นเมื่อเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสอง
2.คนซื้อกังวลเรื่องความจุกจิก
รถยุโรปขึ้นชื่อว่ามีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์, ระบบช่วงล่าง, ระบบความปลอดภัย ฯลฯ จึงกลายมาเป็นความซับซ้อนในการบำรุงรักษาระยะยาว อุปกรณ์บางชิ้นไม่มีอะไหล่เทียบ จำเป็นต้องใช้ของแท้เบิกศูนย์เท่านั้น เจ้าของรถจึงมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงกว่ารถญี่ปุ่น กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถยุโรปถึงราคาตกนั่นเอง
3. รถญี่ปุ่นบางคันอาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า
หากเทียบระหว่างรถยุโรปและรถญี่ปุ่นในราคาใกล้เคียงกัน รถญี่ปุ่นอาจตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น Toyota Camry Hybrid ACV50 รุ่นปี 2015 ราคามือสองอยู่ราว 5-6 แสนบาท เทียบกับ Mercedes-Benz A-Class รุ่นปีเดียวกัน ราคาพอกัน แต่ Camry ได้ขนาดตัวถังใหญ่กว่า ห้องโดยสารกว้างขวางกว่า ขับทางไกลสบายกว่า ประหยัดน้ำมันมากกว่า และค่าซ่อมบำรุงไม่แพง ทำให้รถญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมากกว่าในตลาดมือสอง
4.ราคาป้ายแดงสูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก
ปัจจัยสำคัญของรถยุโรปที่ทำให้ราคาตกอย่างหนัก เป็นเพราะราคาป้ายแดงที่สูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก ส่งผลให้เจ้าของรถมือแรกต้องแบกรับค่าเสื่อมสูงกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น รถญี่ปุ่นราคาป้ายแดง 1,000,000 บาท เทียบกับรถยุโรป 3,000,000 บาท แม้ว่าทั้งสองคันจะมีราคาขายต่อลดลงไป 50% เท่ากัน แต่รถญี่ปุ่นรับค่าเสื่อมเพียง 500,000 บาท แต่รถยุโรปต้องรับค่าเสื่อมสูงถึง 1,500,000 บาท ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ที่เริ่มต้นเล่นยุโรปเกิดความขยาดพอสมควร และมีคนจำนวนไม่น้อยยอมกลับมาใช้รถญี่ปุ่นแทน
สุดท้ายนี้ก็จะเห็นได้ว่าทั้งรถยุโรปและ รถญี่ปุ่น ต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหากใครเป็นคนที่ชอบความหรูหราทันสมัย หรือให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งพร้อมจ่ายในราคาที่สูง รถยุโรปก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าเน้นให้ความสำคัญเรื่องความคุ้มค่า ราคาถูก ประหยัดค่าบำรุงรักษา หรืออยากได้รถที่ขายต่อได้ราคาดี รถญี่ปุ่นก็อาจจะตอบโจทย์มากที่สุด