ใช้รถต้องรู้! ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยแม้ในสภาวะถนนเปียก
How To นี้ ทาง Carfreedom ภูมิใจนำเสนอ ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยแม้ในสภาวะถนนเปียก เพื่อลดอุบัติเหตุ บนท้องถนน ในช่วงเวลาฝนตก กันครับ
ใช้รถต้องรู้! ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยแม้ในสภาวะถนนเปียก
ขับขี่อย่างไรให้ปลอดภัยแม้ในสภาวะถนนเปียก
ในช่วงแต่ละช่วงของถนน แต่การยึดเกาะของถนนที่คุ้นเคยนี้อาจจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเวลาฝนตก ทำให้คุณต้องปรับแต่งสไตล์การขับขี่ของคุณให้สอดคล้องกับสภาวะอากาศด้วยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยไม่ให้รถเกิดอาการหมุน หรือ เสียอาการ จึงเกิดอุบัติเหตุได้ในที่สุด
รวมเทคนิคการขับขี่ในสภาวะถนนเปียก
หากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องขับรถฝ่าสายฝนหรือพายุ สิ่งแรกที่คุณควรทำคือตั้งสติ หลังจากนั้นค่อยๆ เร่งความเร็วอย่างสม่ำเสมอ มองกระจกหน้าตลอดเวลาห้ามละสายตา ใช้เบรกให้เร็วขึ้นกว่าปกติ ลดความเร็วในการเข้าโค้ง และพยายามมองไปด้านหน้าให้ไกลขึ้นกว่าเวลาปกติ เพื่อช่วยให้สามารถคาดการณ์วิถีจราจรเพื่อหลีกเลี่ยงความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่ใช้ทักษะเท่านั้น แต่สถานะของยางก็สำคัญเช่นเดียวกัน การสึกหรอตามอายุการใช้งานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะส่งผลให้การขับขี่ของคุณจะปลอดภัยยิ่งขึ้น และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องดูแลบำรุงรักษายางอย่างเหมาะสม และเปลี่ยนเมื่อยางหมดอายุการใช้งาน เพราะอันตรายจากการที่ใช้ยางที่สึกหรอคือจะไม่สามารถระบายน้ำออกได้ หรือระบายได้ไม่ดีพอ น้ำจะกระจายไปอยู่บริเวณใต้ยางทำให้เกิดการเหินน้ำได้ ทำให้ยางยึดเกาะถนนได้น้อยหรือไม่ได้เลย ซึ่งหากดอกยางชำรุดการเหินน้ำอาจเกิดขึ้นได้แม้จะใช้ความเร็วต่ำ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ายางของคุณจะเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ ก็สามารถจมน้ำได้หากถนนมีน้ำขังเป็นจำนวนมากและประกอบกับคุณขับรถมาด้วยความเร็วสูง ดังนั้นแล้วอุบัติเหตุไม่ได้เกิดจากผลกระทบจากสไตล์การขับขี่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพของระบบกันสะเทือน และยางด้วยเช่นเดียวกัน
ควรตรวจเช็คอุปกรณ์รถของคุณขณะเจอฝนตก
ก็ต้องบอกเลยว่า คือที่ปัดน้ำฝน ระบบไล่ฝ้า และ ฟิล์มกระจกรถ ควรตรวจเช็คว่าอุปกรณ์ของเรา พร้อมใช้งานอยู่หรือเปล่า และสิ่งสุดท้ายที่พลาดไม่ได้เลยคือ ยางรถยนต์ของคุณ ควรมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2-3 ปี เพราะว่าถ้าเรานำยางหมดอายุมาใช้ยาง ก็อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ง่าย ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นแบบใดก็เเล้วแต่!