Porsche Taycan Turbo GT ทุบสถิติ Production Car แรงที่สุด
Porsche Taycan Turbo GT ขึ้นเเท่นราชาความเร็วใหม่จาก Porsche ทำลายสถิติ Tesla Model S Plaid ที่เคยครองอยู่ แล้วพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าชาวสหรัฐฯในช่วงฤดูร้อนปี 2024 นี้
Porsche Taycan Turbo GT ทุบสถิติ Production Car แรงที่สุด
เป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้จริงๆ สำหรับค่ายรถยนต์ ซึ่งล่าสุด Porsche ได้สร้างสถิติความเร็วรอบสนามแข่งเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Nürburgring ในเยอรมนี หรือ Laguna Seca ในแคลิฟอร์เนีย โดยสถิติต่างๆ มีความหมายต่อค่ายรถสัญชาติเยอรมันมากเสียจนบางครั้งถึงขั้นสร้างสถิติใหม่ขึ้นมาเพื่อทำลายเอง!
แต่สถิติล่าสุดนี้ไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นแน่นอน Porsche ต้องการหาจุดเด่นให้กับ Taycan รถยนต์ซีดานไฟฟ้ารุ่นปรับปรุงของพวกเขา จึงได้ส่ง Turbo GT และ Turbo GT พร้อมชุดแต่ง Weissach ไปยังสนาม WeatherTech Raceway ใน Laguna Seca เพื่อดูว่าจะสามารถทำลายสถิติเดิมที่ Tesla Model S Plaid เคยสร้างไว้ได้หรือไม่ และแน่นอนว่า Porsche ทำได้สำเร็จจริงๆ!
Lars Kern นักขับรถมือโปรจากทาง Porsche ใช้เวลาเพียง 1 นาที 27.87 วินาที ในการวิ่งรอบสนาม Laguna Seca เร็วกว่าสถิติเดิมที่ 1 นาที 30.3 วินาที
Porsche เชื่อว่าความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจาก Taycan Turbo GT รุ่นใหม่ที่สามารถทำความเร็ว 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.1 วินาที และความเร็วสูงสุดถึง 190 ไมล์ต่อชั่วโมง และยิ่งได้อานิสงส์จากชุดแต่ง Weissach ซึ่งเป็นการดัดแปลงด้วยการถอดที่นั่งด้านหลังเพื่อลดน้ำหนักลงไปถึง 157 ปอนด์ (ประมาณ 71 กิโลกรัม)
สถิติความเร็วรอบสนามดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่กี่วัน Lars Kern ก็ไปปรากฏตัวที่สนามแข่ง Nürburgring อันเลื่องชื่อ เพื่อสร้างเวลา 7.07.55 นาที เอาชนะ Model S Plaid ที่เคยทำเวลาไว้ 7.25.231 นาที
Porsche Taycan Turbo GT Production Car รูปโฉมภายนอกนั้น ดุด้วยชายกันชนหน้าเฉพาะรุ่น พร้อมติดตั้งชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์เงารอบคัน ไฟหน้าเป็นแบบ Matrix LED สีตัวถังมีให้เลือก 6 สีรวมถึงสีพิเศษอย่าง สีน้ำเงิน Pale Blue Metallic และ สีม่วง Purple Sky Metallic ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหนังและ Race-Tex บ่งบอกความพิเศษด้วยโลโก้ Turbo GT ปักบนเบาะ ส่วนพวงมาลัยเป็นแบบ GT sports ระบุตำแหน่ง 12 นาฬิกา
Porsche Taycan Turbo GT เบากว่า Taycan Turbo S ราว 75 กิโลกรัม อันเป็นผลจากการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ผลิตชิ้นส่วนตัวถังหลายชิ้นส่วน รวมไปถึงการถอดระบบฝาท้ายดูด, ช่องเก็บสัมภาระน้ำหนักเบา, เบาะ CFRP, ล้อน้ำหนักเบาลายพิเศษเฉพาะรุ่น ขนาด 21 นิ้ว และเบรก ceramic น้ำหนักเบาซึ่งเบากว่า PCCB อีกราว 2 กิโลกรัม คาลิปเปอร์เบรกยังพ่นสีทอง Victory Gold ปิดท้ายกับช่วงล่างแบบ Porsche Active Ride
ขุมพลัง Porsche Taycan Turbo GT เป็นระบบไฟฟ้าซึ่งปรับมอเตอร์ไฟฟ้าหลังใหม่ ให้รองรับกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด 900 แอมแปร์ จากเดิมที่รองรับ 600 แอมแปร์ ทำให้ส่งมอบพละกำลังได้สูงขึ้น ทั้งยังมีการปรับไปใช้ silicon carbide เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ผลคือพละกำลังสูงสุดอยู่ที่ 789 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,340 นิวตันเมตร
วัสดุซับเสียงและอุณหภูมิยังเป็นของพิเศษเฉพาะรุ่น แม้ขุมพลังของ Porsche Taycan Turbo GT with Weissach package จะไม่ต่างจากเดิม แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่เบากว่า ตัวเลขสมรรถนะจึงดีกว่าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 2.2 วินาที, 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 6.4 วินาที และ ความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง
หากเปิดใช้งาน Launch Control กำลังสูงสุดจะเพิ่มเป็น 1,033 แรงม้า และไปสุดที่ 1,108 แรงม้า เมื่อใช้คำสั่ง Attack Mode ที่จะปลดล็อคแรงม้าสูงสุดชั่วคราว 10 วินาที สำหรับตัวเลขสมรรถนะอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 2.3 วินาที, 0 – 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ใน 6.6 วินาที และ ความเร็วสูงสุด 290 กิโลเมตร/ชั่วโมง พิสัยขับขี่สูงสุด 555 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP
Weissach package จะเพิ่มความดุอีกขั้นให้กับ Porsche Taycan Turbo GT ด้วยดิฟฟิวเซอร์หน้าใหม่ เสริมด้วยแผ่นปิดใต้ท้องเฉพาะรุ่น และสปอยเลอร์หลังแบบตายตัว สามารถสร้างแรงกดได้สูงสุด 220 กิโลกรัม พร้อมระบุความพิเศษด้วยโลโก้ Weissach ทั้งยังเติมความดิบด้วยการรีดน้ำหนักลงจาก Taycan Turbo GT อีก 70 กิโลกรัม ซึ่งกระบวนการรวมไปถึงการถอดเบาะหลัง, ลำโพงหลัง และนาฬิกาในแดชบอร์ดออก
ภายในเลือกใช้วัสดุสำหรับรถแข่งโดยเฉพาะที่เรียกว่าหนัง Race-tex และสามารถเลือกติดตั้งเบาะนั่งที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ได้สำหรับตลาดยุโรป เนื่องจากไม่สามารถผ่านมาตรการการทดสอบการชนในอเมริกาเหนือได้ โดยเบาะนั่งมาตรฐานจะเป็นรุ่น adaptive Sports Seats Plus ที่ปรับได้ด้วยไฟฟ้า 18 ทิศทาง พร้อมหน่วยความจำ และหัวหมอนโลโก้ Turbo GT
Porsche Taycan Turbo GT เปิดราคาจำหน่ายที่ 231,995 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 8,238,026 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า และสามารถเลือกติดตั้ง Weissach package โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ก่อนที่ Porsche จะพร้อมส่งมอบให้ลูกค้าชาวสหรัฐฯในช่วงฤดูร้อนปี 2024 นี้
Cr. Porsche