ใช้รถต้องรู้! 9 พฤติกรรมการขับขี่เหล่านี้ ส่งผลให้รถยนต์พัง
9 พฤติกรรมการขับขี่เหล่านี้ ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อรถยนต์โดยตรง รถยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น ซึ่งจะมีพฤติกรรมใดบ้าง ไปชมกันเลย?
ใช้รถต้องรู้! 9 พฤติกรรมการขับขี่เหล่านี้ ส่งผลให้รถยนต์พัง
เพื่อรักษาสภาพเครื่องยนต์และสมรรถนะต่างๆ ให้รถอยู่กับคุณไปนานๆ ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น วันนี้เราจึงนำเรื่อง พฤติกรรมเสี่ยง รถพังเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว! มาฝากทุกคนกันครับ!
1.วางมือบนคันเกียร์
หากคุณเคยมีประสบการณ์เข้าคลาสเรียนขับรถยนต์มาก่อน คุณครูผู้สอนจะบอกเสมอว่าให้วางมือทั้ง 2 ข้าง ไว้บนพวงมาลัยตลอดเวลา แต่สำหรับบางคนจะชอบวางมือไว้บนคันเกียร์ การทำงานของคันเกียร์จะเชื่อมต่อกับก้านเกียร์ ซึ่งโดยปกติแล้วก้านเกียร์จะสามารถรองรับน้ำหนักได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่หากเรานำมือไปพักไว้บนคันเกียร์ เจ้าก้านเกียร์ก็จะรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการสึกหรอได้ในอนาคต
2.ลากเบรคอย่างต่อเนื่องขณะขับลงเขา
ใครที่ชอบลากเบรกยาวๆ ขณะที่กำลังขับรถลงเขาในระยะทางหลายกิโลเมตร พฤติกรรมนี้จะทำให้รถยนต์ของคุณไปสวรรค์เร็วขึ้น แน่นอนว่าคนส่วนใหญ่อาจจะไม่มีความชำนาญในการขับรถในสภาวะถนนที่มีความสูงชัน ซึ่งส่วนมากก็จะกดเบรกยาวๆ เพื่อความสะดวกในการชะลอความเร็ว แต่ยิ่งคุณทำเช่นนี้ก็ยิ่งไปสร้างแรงกดต่อผ้าเบรกและจานเบรก อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้ วิธีที่ถูกต้องคือคุณควรจะใช้เกียร์ต่ำเพื่อชะลอความเร็วเมื่อขับบนถนนที่สูงชัน และเหยียบเบรกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
3.เหยียบคลัตช์ขณะขับขึ้นเนิน
หากรถยนต์ของคุณเป็นเกียร์ Manual หรือ เกียร์ธรรมดา การขึ้นเนินหรือสะพานสูงๆ คืออุปสรรคที่มือใหม่หัดขับเกียร์ธรรมดาทุกคนน่าจะเข้าใจและไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะรถจะชอบดับกลางสะพานซึ่งอาจทำให้รถไหลถอยหลัง สร้างความตื่นเต้นให้กับรถที่ขับตามหลังมาสุดๆ ดังนั้นโดยส่วนใหญ่ก็จะมักเหยียบคลัตช์ขณะขับขึ้นเนิน เพื่อไปให้สุดโดยที่ไม่ต้องหยุดรถกลางคัน นี่คือสาเหตุของการใช้คลัตช์มากเกินไป อาจจะเกิดความเสียหายและไม่สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ในที่สุด
4.ละเลยไฟเตือน
อุปกรณ์ในรถรวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ มีมากมาย ดังนั้นคุณจะทราบได้จากไฟเตือนตรงแดชบอร์ด ว่าให้ตรวจสอบฉันได้แล้วนะ อาทิ น้ำยาที่ปัดน้ำฝน น้ำหม้อน้ำ ผ้าเบรก น้ำมันเครื่อง เป็นต้น คอมพิวเตอร์อันชาญฉลาดจะทำหน้าที่วัดระดับและคำนวณความต้องการของรถยนต์ ให้อยู่ในสภาวะที่ปกติและพร้อมใช้งาน หากละเลยก็อาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายในอนาคตได้ และทำให้เกิดการสึกกร่อนเร็วขึ้นกว่าปกติ
5.เร่งเครื่องยนต์โดยไม่วอร์ม
ไหนใครชอบสตาร์ทรถแล้วออกตัวเลยบ้าง โดยหลักความเป็นจริงแล้วการเร่งเครื่องออกไปเลยในขณะที่เพิ่งสตาร์ทรถ อาจจะส่งผลเสียต่อเครื่องยนต์หรือทำให้เครื่องเดินสะดุดได้ เพราะตอนที่เราเพิ่งสตาร์ทนั้นเครื่องยนต์ยังมีอุณหภูมิที่เย็นอยู่ ดังนั้นเราควรปล่อยให้เครื่องยนต์ได้ทำการวอร์มซักเล็กน้อย โดยใช้เวลาเพียง 10-20 วินาทีเท่านั้น จึงสามารถออกเดินทางได้
6.ปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถัง
การปล่อยให้น้ำมันหมดเกลี้ยง หรือ ร่อยหรอจะหมดแหล่ไม่หมดแหล่ ถือเป็นการกระทำที่ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะเมื่อเครื่องยนต์ทำความร้อนอย่างต่อเนื่องอาจเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ กับเครื่องยนต์ได้ หากไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเพียงพอ แนะนำว่าควรเติมให้เต็มถังเพื่อให้เครื่องยนต์ของคุณมีอุณภูมิคงที่และมีสุขภาพดี
7.บรรทุกสัมภาระมากจนเกินไป
การบรรทุกของในรถของคุณมากจนเกินไป จะสร้างภาระให้กับระบบเบรก ระบบกันสะเทือน และระบบขับเคลื่อน ยิ่งไปกว่านั้นจะทำให้ซดน้ำมันอีกด้วย คุณสามารถเข้าไปอ่านคู่มือการขับขี่ของคุณ ซึ่งในนั้นจะแจ้งน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของรถคุณ โดยจะมีรายละเอียดจำนวนสัมภาระที่เหมาะแก่การรรทุกโดยรวมไว้ให้ด้วย
8.ใช้เกียร์ "N" เพื่อช่วยเบรก
การใช้เกียร์ "N" คือ ตำแหน่งของเกียร์ว่างไว้ใช้จอดรถชั่วคราว เราจะใช้ก็ต่อเมื่อจอดติดไฟแดง หรือต้องการจอดแบบไม่ล็อคล้อ ซึ่งโดยปกติแล้วคุณจะต้องทำการเบรกให้รถจอดสนิทก่อน แล้วค่อยสลับเกียร์จาก D มา N แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถใช้เพื่อช่วยหยุดรถได้ ความหมายคือคุณไม่ควรสลับเกียร์ในขณะที่รถยังแล่นหรือจอดไม่สนิท เพราะอาจเกิดความเสียหายต่อเกียร์ได้
9.ชะลอการบำรุงรักษา
ไม่ว่าคุณจะงานยุ่งขนาดไหน คุณก็ไม่ควรละเลยการบำรุงรักษารถยนต์ของคุณอย่างเป็นประจำ ยิ่งเป็นการบำรุงรักษาตามตารางแพลนแล้วยิ่งไม่ควรดีเลย์ออกไป เพราะอาจสร้างปัญหาหนักตามมาในภายหลังได้ ยกตัวอย่างเช่นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือการเปลี่ยนไส้กรองอากาศ เพื่อทำให้รถคุณอยู่ในสภาพที่ดีและพร้อมใช้งานอยู่เสมอ