เปิดสาเหตุการเกิด "เล็บขบ" พร้อมแนะวิธีป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ
แพทย์ผิวหนัง เปิดสาเหตุการเกิด "เล็บขบ" พร้อมแนะวิธีป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และการรักษาภาวะเล็บขบ
นายแพทย์มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าจจากกรณีที่มีข่าว เล็บขบ มีหนอนอยู่ในซอกเล็บนั้น การที่พบหนอนในเนื้อเยื่อข้างเล็บเรียกว่า cutaneous myiasis เป็นหนอนของแมลงวันหรือแมลงหวี่ที่มาวางไข่ไว้บนผิวหนังที่เปิดอยู่ เช่น บนฝี บนแผล หรือไชเข้ามาจากบริเวณอื่นของร่างกาย หลังจากวางไข่ 1-3 วัน ก็จะฟักเป็นหนอน 1-3 สัปดาห์หนอนจะกลายเป็นดักแด้และเป็นแมลงบินออกไป การเป็นแผลที่มีการติดเชื้อหรือหนอนแมลงมักไม่หาย มีอาการอักเสบไปเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อมีแผลเปิดบนร่างกายโดยเฉพาะแผลที่เรื้อรังหรือหายช้า ควรทำความสะอาด ระวังแมลงตอมหรือปิดแผลด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้แมลงมาวางไข่ได้
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะเล็บขบ (ingrown nails) คือภาวะที่ขอบด้านนอกของเล็บ กด หรือทิ่มเข้าในเนื้อด้านข้างเล็บ โดยมักเป็นกับนิ้วหัวแม่เท้า มากกว่านิ่วเท้าอื่น และเกิดน้อยมากกับเล็บนิ้วมือ สาเหตุที่ทำให้เกิดเล็บขบมีหลายประการ แต่ที่พบบ่อยคือความผิดสัดส่วนกันมากของปลายแผ่นเล็บกับส่วนโคนเล็บ เมื่อเดินจะเกิดแรงกดที่ปลายนิ้ว ด้านข้างแผ่นเล็บจะกดลงที่เนื้อขอบเล็บทำให้เริ่มมีอาการเจ็บเวลาเดิน คนไข้มักจะพยายามตัดเล็บโดยเฉพาะเซาะขอบข้างเล็บออกให้มากที่สุด และส่วนใหญ่ไม่สามารถตัดออกหมดได้โดยเหลือขอบนอกสุดของเล็บเป็นลักษณะเขี้ยวแหลม ซึ่งจะทิ่มเนื้อด้านข้างต่อไป จนเกิดอาการอักเสบ บวม ติดเชื้อ มีหนอง ส่วนสาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ภาวะเล็บโค้งผิดปกติ (pincer nails) การสวมถุงเท้ารองเท้าที่บีบหน้าเท้าแน่นเกินไป มีเหงื่ออกเท้ามากกว่าปกติ เป็นต้น
ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การรักษาภาวะเล็บขบทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการแยกเนื้อกับขอบเล็บด้วยเทป หรือการงัดขอบเล็บขึ้นด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนเจ็บค่อนข้างมากในขณะทำ การทำเองที่บ้านโดยไม่มียาชามักจะทำไม่สำเร็จหรือไม่ถึงระดับที่จะแก้การขบได้ และมักต้องมาพบแพทย์เพื่อทำการถอดเล็บเฉพาะส่วนด้านข้าง (partial nail avulsion) หากมีอาการผิดปกติแนะนำให้เข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับการักษาที่ถูกต้อง
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews