สั่งกวาดล้างแก๊ง ปาร์ตี้-มั่วสุม ฝ่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
ผ่อนคลายการกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ และการบังคับใช้บางมาตรการตามลำดับขั้นตอน และตามสภาพของพื้นที่ เพื่อให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข
วันนี้ (04/2/2564) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. ได้มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ ศปม 5.31/73 ลงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง ผบช.น. และ ภ.1-9
ใจความ อ้างถึงข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 18) ผ่อนคลายการกำหนดเขตพื้นที่สถานการณ์ และการบังคับใช้บางมาตรการตามลำดับขั้นตอน และตามสภาพของพื้นที่ เพื่อให้สถานที่ กิจการ หรือกิจกรรม สามารถเปิดดำเนินการได้ภายใต้เงื่อนไข เงื่อนเวลา การจัดระบบและระเบียบต่างๆ รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด ทั้งนี้ตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป
เพื่อให้การดำเนินการตามข้อกำหนดฯ ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผบ.ตร. จึงกำชับให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้
1.ศึกษาข้อกำหนดฯ ฉบับที่ 18 ให้เข้าใจว่าพื้นที่รับผิดชอบของตนถูกกำหนดเป็นพื้นที่สถานการณ์ใด ระหว่าง(1) พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (2) พื้นที่ควบคุมสูงสุด (3) พื้นที่ควบคุม พื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง เพื่อบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพในพื้นที่รับผิดชอบของตน
2.ให้ชุดตรวจร่วม สายตรวจจักรยานยนต์ และฝ่ายสืบสวน ระดมกำลังสุ่มตรวจสอบ ออกตรวจในเขตพื้นที่รับผิดชอบและกวดขันจับกุมสถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการ ผับบาร์ คาราโอเกะ สถานประกอบกิจการอาบน้ำ อาบอบนวด ร้านจำหน่ายสุรา และอื่นๆ ที่เปิดให้บริการ หรือเปิดเกินกำหนดเวลา โดยฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดฯ และคำสั่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนด
3.ให้สืบสวนหาข่าวทางโซเชียลมีเดียในการนัดรวมตัวของกลุ่มบุคคล เพื่อทำกิจกรรมหรือมั่วสุม โดยเน้นการจัดปาร์ตี้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งพื้นที่สาธารณะและพื้นที่ส่วนบุคคล เช่น โรงแรม หอพัก คอนโดมิเนียม บ้านเช่า ร้านอาหาร สถานบริการ ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดฯ และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ให้ทราบ วัน เวลา และสถานที่ในการนัดหมาย เพื่อจะได้วางมาตรการในการป้องกันและสืบสวนจับกุม
4.ให้มีคำสั่งมอบหมายผู้รับผิดชอบในการปฏิบัติให้ชัดเจน รวมทั้งให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบุคม กำกับ ดูแลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดข้อบกพร่องในกรณีดังกล่าว
5.ห้ามมิให้ข้าราชการตำรวจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบใดๆ โดยเด็ดขาด
6.เมื่อมีผลการจับกุมหรือผลการปฏิบัติให้ประชาสัมพันธ์ทางสื่อต่างๆ ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและอุ่นใจแก่ประชาชน และเพื่อเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนแจ้งเบาะแสของผู้ที่ฝ่าฝืนแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยให้ประชาสัมพันธ์ช่องทางการรับแจ้งทางสายด่วนหมายเลข 1599 หรือ 191