ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตอบชัด เงินบำนาญพิเศษและเบี้ยผู้สูงอายุเป็นคนละส่วน
ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้หารือกับหลายฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน กรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญพิเศษ
วันนี้ (05/02/2564) พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้หารือกับหลายฝ่ายเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน กรณีการเรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่ได้รับซ้ำซ้อนกับเงินบำนาญพิเศษ โดยมีมติว่า เงินบำนาญพิเศษเป็นคนละส่วนกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ซึ่งบำนาญพิเศษให้เพื่อตอบแทนให้กับข้าราชการที่ปฎิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและเกิดการพิการ ทุพพลภาพหรือเสียชีวิต ซึ่งกำหนดไว้ว่าพ่อแม่จะได้รับจนกว่าจะเสียชีวิต ซึ่งแสดงว่าเงินทั้ง 2 ส่วนเป็นคนละก้อนกัน ก็มีสิทธิได้รับทั้ง 2 ส่วน
ดังนั้นจึงมีมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี 2552 ให้ผู้ที่ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ให้ได้รับบำนาญพิเศษด้วย โดยให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน
ส่วนผู้ที่ได้รับเงินไปแล้ว ถือว่าได้มาโดยสุจริต ต้องไปกำหนดบทเฉพาะกาล เทียบเคียงกับคำพิพากษาศาลฎีกาหมายเลขคดีที่ 10850 ซึ่งถือว่าเป็นลาภที่ไม่ควรได้ ก็ไม่ต้องไปเรียกเงินคืนจากบุคคลนั้น ๆ สำหรับในรายบุคคลที่นำเงินมาคืนภาครัฐแล้วถือว่าท่านแสดงสิทธิเจตนารมณ์ที่จะมาคืน ไม่ได้เดือดร้อน หรือเป็นผู้มีรายได้น้อย ก็แสดงว่ามีเจตนาว่าจะไม่รับเงินก้อนนี้จะไม่สามารถขอคืนไม่ได้ แต่หากแก้ไขระเบียบแล้วเสร็จ ผู้ที่เคยได้รับบำนาญพิเศษ ก็สามารถยื่นของรับเบี้ยชีพผู้สูงอายุได้