ชาวสวนคะน้าน้ำตาอาบหน้า จำใจตัดทิ้งกว่าแสนกก. เพราะพิษเศรษฐกิจกับโควิด
ชาวสวนคะน้าน้ำตาอาบหน้า จำใจตัดทิ้งกว่าแสนกก. เพราะพิษเศรษฐกิจกับโควิด-19 พ่อค้าก็ไม่รับซื้อ ราคาค่าตัดไม่คุ้มราคาขาย
ชาวสวนคะน้าน้ำตาอาบหน้า จำใจตัดคะน้าทิ้งกว่าแสนกิโลกรัมหลังราคาตก สินค้าล้นตลาด เก็บไปค่าเก็บก็ไม่คุ้มราคาขาย อีกทั้งพ่อค้าคนกลางก็ไม่รับซื้อ บางสวนบริจาคให้วัดและโรงทาน แต่ปริมาณก็ยังเยอะจนต้องทิ้งไปอยู่ดี
รายงานเมื่อวันที่ 16 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ชาวสวนปลูกคะน้าชื่อว่า นายสิงห์ เปิดใจเสียงสั่นว่าตนทำอาชีพปลูกผักคะน้า มีพื้นที่กว่า 26 ไร่ ทำในรูปแบบแปลงยกร่อง ซึ่งคะน้านั้นเป็นพืชที่ใช้เวลาปลูกน้อยเพียง 45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
เมื่อปี 2563 ราคาของคะน้าก็สูงถึงกิโลกรัมละ 20 บาท ตนจึงวางแผนเริ่มปลูกช่วงเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกะเวลาแล้วจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนพอดี แต่ทว่าความหวังกลับพังลงเพราะราคารับซื้อหน้าสวนในปีนี้ลดฮวบเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2 บาทเท่านั้น
เมื่อถามเหตุผลที่พ่อค้าไม่รับซื้อก็ได้รับคำตอบกลับมาว่าคะน้าของตนไม่สวย เอาไปขายก็ไม่ได้ราคา บวกกับคะน้าล้นตลาด มีผลผลิตคะน้าออกมาจำนวนมากแต่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อลดลง และผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกที่ 2 ตนกับครอบครัวจึงตัดคะน้าประมาณ 2,000 กิโลกรัมไปทำบุญถวายโรงทาน ส่วนที่เหลือตัดทำบุญไม่ทันจึงจำใจต้องปล่อยทิ้งให้ถูกหนอนกินจนเสียหาย และใช้เครื่องตัดหญ้ามาตัดทิ้ง น้ำหนักรวมกว่า 1 แสนกิโลกรัม