ศรีสุวรรณเตรียมร้อง ป.ป.ช.สอบจริยธรรมร้ายแรง สิระทำเหรียญหลวงพ่อป้อม
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดทำเหรียญทองคำรุ่น “หลวงพ่อป้อม” และรุ่น “ป่ารอยต่อ”
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ก.พ. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดทำเหรียญทองคำรุ่น “หลวงพ่อป้อม” และรุ่น “ป่ารอยต่อ” ที่นำมาโชว์แสดงต่อสื่อมวลชนเมื่อเช้าของวันที่ 17 ก.พ.64 ที่ผ่านมา จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันของสาธารณชนเป็นจำนวนมากนั้น
กระทั่งช่วงบ่ายโมง นายสิระได้ออกมาแถลงอีกว่าการจัดทำเหรียญดังกล่าวที่เป็นใบหน้ารูป พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้รับอนุญาตจาก พล.อ.ประวิตรเรียบร้อย และท่านไม่ได้ว่าอะไร และตนได้นำเหรียญไปให้ พล.อ.ประวิตรดู ซึ่งท่านได้เป่าพร้อมให้พรเพื่อความเป็นสิริมงคล ขอให้คุ้มครองแคล้วคลาดจากศัตรูและคู่อริ
แต่ทว่าเมื่อเย็นของวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้กล่าวถึงกรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ จัดทำเหรียญทองคำรุ่น "หลวงพ่อป้อม" และรุ่น"วัดป่ารอยต่อ"ว่า ตนไม่รู้เรื่องและไม่เคยให้คำแนะนำการจัดทำเหรียญดังกล่าว และนายสิระไม่เคยมาปรึกษา และก็ไม่ได้เห็นด้วยที่จะให้ทำเหรียญดังกล่าว และอย่าเอาตนไปเกี่ยวข้อง ไม่สนับสนุน
กรณีดังกล่าว เป็นการชี้ให้เห็นว่า การนำเหรียญทองดังกล่าวมาแถลงข่าวในบริเวณรัฐสภาของนายสิระ ถือว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตน มิได้เป็นประโยชน์ใดๆแก่ประเทศชาติ อีกทั้งเป็นการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณชน เพียงเพราะต้องการสร้างข่าวให้เกิดความหวือหวาหรือเพื่อการเป็นข่าวเท่านั้น ซึ่งมิได้เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อสาธารณชนหรือประเทศชาติแต่อย่างใด และการแกะชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในเหรียญดังกล่าวก็ทำผิดทั้งชื่อและนามสกุล กลายเป็นที่ตลกขบขันของสื่อมวลชนและสาธารณชนทั่วไป ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ข้อ 7 ข้อ 15 และข้อ 17 ที่ว่า “ต้องถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน” “ต้องให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงแก่ประชาชนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ถูกต้องครบถ้วนและไม่บิดเบือน” และ “ไม่กระทําการใดที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดํารงตําแหน่ง” เป็นต้น
ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ในวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.64 เวลา 13.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ช. นนทบุรี เพื่อให้ดำเนินการไต่สวน สอบสวนกรณีดังกล่าวว่าเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ อย่างไร หาก ป.ป.ช.วินิจฉัยว่าฝ่าฝืนจักได้ดำเนินการส่งให้ศาลฎีกาพิพากษาในลักษณะเดียวกับปารีณาต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด