ฉาย บุนนาค บิ๊กบอสเนชั่นเป็นปลื้ม ปี 63 สุดแกร่ง ฟาดรายได้ถึง 88 %
แม้จะได้รับผลกระทบจากโรคระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่บิ๊กบอสเนชั่นก็ยังยิ้มได้ เนื่องจากปี 2563 ฟาดรายได้ถึง 88 % คิดเป็นตัวเลขได้กว่า 30 ล้านบาท เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาปังปุริเย่ไม่น้อยแม้จะโดนพิษโควิด
โดย นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC ได้เปิดใจถึงผลความสำเร็จในระดับหนึ่งจากปี 2563 ว่า ด้วยความที่ทีวีดิจิทัลในระยะหลายปีที่ผ่านมาเป็นสมรภูมิเดือด ทั้งมีคู่แข่งเยอะแล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เข้ามากระทบเยอะ การที่จะหาบริษัทที่ได้กำไรจากการตั้งช่องทีวีดิจิทัลได้ต้องยากมากในหมวดข่าว ซึ่ง เนชั่นทีวี ก็ถือว่าเป็นสถานีช่องทีวีดิจิทัลที่ยังคงเบอร์ 1 ในช่องข่าวดิจิทัล
บอสใหญ่เนชั่น เปิดเผยต่อไปว่า จากผลการดำเนินงานปี 2563 บริษัทมีรายได้ 911.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88 % มีกำไรส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 43.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 32.13 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 89 % ซึ่งการเติบโตของรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโฮม ช้อปปิ้งที่ปรับตัวสูงขึ้น ท่ามกลางผลกระทบจากเศรษฐกิจที่มีผลต่อทั้งอุตสาหกรรมสื่อดิจิทัล
จากการปรับโครงสร้างธุรกิจของเราที่ไม่ได้หวังพึ่งพิงเพียงแค่โฆษณาเพียงอย่างเดียว และเนื่องด้วยการประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัส covid -19 ต่อเศรษฐกิจโดยรวมของทั่วโลกและในประเทศ ทำให้เราไม่สามารถจัดกิจกรรมกิจกรรมได้ตามเป้าหมาย เราจึงมีการทำเกี่ยวกับเรื่องของโฮมช้อปปิ้ง ซึ่งทำให้ลดผลกระทบและยังสามารถสร้างกำไรปี 2563
ทว่าภายใต้ปัจจัยลบดังกล่าวบริษัทยังมีผลประกอบการที่น่าพอใจ เมื่อเปรียบเทียบกับอุตสาหกรรมที่เผชิญการขาดทุนที่สำคัญภาระต้นทุนค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัลที่ต้องจ่ายให้กับ กสทช. จะหมดลงในปีนี้จากกำหนดการจ่ายงวดสุดท้ายในเดือนพฤษภาคม เป็นมูลค่า 48 ล้านบาททำให้บริษัทไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อีก
แต่จากกำไรดังกล่าวทำให้เราประกาศปรับฐานเงินเดือนของพนักงานในเครือเนชั่นทีวีพร้อมกับประกาศจ่ายโบนัสไปให้กับพนักงาน ซึ่งจากภาวะเศรษฐกิจและผลกระทบที่เกิดขึ้นถือว่าบริษัทยังรักษาฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และในปี 2564 จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างส่วนทุน อาจจะเป็นไปได้ทั้งการลดพาร์ หรือนำส่วนล้ำมูลค่าหุ้น ส่วนทุน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อให้ NBC กลับมาจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นภายในปี 2564 นี้ และยังถือว่าเป็นการกลับมาจ่ายปันผลครั้งแรกในรอบ 5 ปี
ทั้งนี้ บิ๊กบอสเนชั่น ยังได้เปิดเผยอีกว่า สำหรับปี 2564 มองการเติบโตของรายได้ประมาณ 6 % มาจากโฆษณา 35 % โฮม ช้อปปิ้ง 30 % เช่าเวลา 15 % เนชั่น ออนไลน์ 5 % คมชัดลึก 4 % งานอีเวนท์ 4 % และอื่น 7 % ภายใต้ปัจจัยวัคซีน ถ้ามาเร็วและไม่มีการระบาดรอบใหม่ เราเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการใช้จ่ายตามมาเนื่องจากตามแผนงานปีนี้เตรียมที่จะเพิ่มฐานรายได้และกลุ่มเป้าหมาย
ขณะเดียวกันส่วนของงานข่าวของเราก็ยังคงจุดยืนเดิมในการนำเสนอข่าวที่ตามข้อเท็จจริงและรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านทั้งช่องทางทีวีดิจิทัลและออนไลน์ ซึ่งในปีนี้ทางช่องทางออนไลน์จะเห็นการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นจากรายการใหม่ๆเพิ่มเข้ามาและแตกต่างจากช่องทางทีวีดิจิทัลจากฐานผู้ชมส่วนใหญ่ 80 % อายุเฉลี่ย 40 ปีขึ้นนั้นจะเพิ่มกลุ่มเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ เข้ามาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์จะเริ่มเห็นตั้งแต่เดือนเมษายน - พฤษภาคม นี้เป็นต้นไป
ซึ่งการขยายช่องทางออนไลน์มากขึ้นจะส่งผลต่อรายได้โฆษณาที่เดิมจะเป็นการขายผ่านเอเยนซี่จะเป็นการเพิ่มจากผู้ประกอบการโดยตรงขณะที่ธุรกิจอีเวนยังเตรียมงานใหญ่ไว้ถึง 2 งาน คือคมชัดลึก อวอร์ด ช่วงปลายเดือนมีนาคม นี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี และงานครบรอบ 50 ปีเนชั่น ที่เดินทางมาครึ่งศตวรรษ เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำสถานีข่าวพร้อมนำเสนอเนื้อหาสาระที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งทั้งนี้หากไม่เจอการระบาดและมีวัคซีนก็เชื่อว่าจะสามารถสร้างรายได้ในส่วนนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ต้องยอมรับว่า ธุรกิจโฮมช้อปปิ้งที่สร้างรายได้ในปี 2563 ที่ผ่านมายอมรับว่าการแข่งขันรุนแรงและในปีนี้การทำธุรกิจไม่ง่าย ทำให้เป็นปีที่ยากลำบากของคนที่ทำธุรกิจเพราะว่ากำลังซื้อมันก็ไม่ได้เหมือนเดิม ด้านอาหารเสริมต่างๆ อย่างถั่งเช่าก็มีปัญหาเยอะมันก็มีคนที่โฆษณาเกินจริงนะมันมีปัญหาขึ้นมามันก็ส่งผลกระทบต่อภาพรวมทั้งหมดจึงจะทำให้ความน่าเชื่อถือของอาหารเสริมมันขาดหายไปและเราขายอาหารเสริมได้น้อยลง
อย่างไรก็ตาม นายฉาย บุนนาค บริษัทเตรียมเพิ่มรายได้อื่นในปีนี้ ทางเราจึงลองเปิดธุรกิจกาแฟภายใต้แบรนด์ “เนชั่น คอฟฟี่ (Nation Coffee)” ซึ่งเริ่มเปิดสาขาแรกที่อาคารเนชั่นในเดือนมีนาคม และจะขยายสาขาตามอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ประมาณ 10 สาขาภายในปีนี้ โดยมีจุดแข็งอยู่ที่การใช้กาแฟสายพันธุ์ในประเทศไทย ภายใต้คอนเทคฟาร์มเมอร์จากเกษตรคนไทยที่มีคุณภาพ ที่สำคัญประชาชนสามารถบริโภคได้ในราคาไม่แพงหรือราคาลดลง 40 % จากราคากาแฟแบรนด์ดังแต่มีคุณภาพเท่ากัน