เล็งต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมโควิด19ทั่วประเทศ
ากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ศบค.ชุดใหญ่เล็งต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั่วประเทศหวังคุมการระบาดในพื้นที่แพร่กระจายหนัก
จากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด 19 ที่ถึงแม้ทางกรมสาธารณะสุขจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ แต่ยังมีบางพื้นที่ต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทางด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการประชุมศูนย์บริหารสถานการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โควิด 19 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันจันทร์ ที่ 22 ก.พ. ว่า จะมีการพิจารณาถึงการขยายระยะเวลาการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด 19 ซึ่งเนื่องจากเกิดเหตุกรณีการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวใน 2 ตลาดพื้นที่ จ.ปทุมธานี ซึ่งคณะกรรมการ ศบค.ชุดเล็กจะเสนอตั้งเรื่องเข้ามา
ทั้งนี้ การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะบางพื้นที่ต้องเฝ้าระวัง ดังนั้นการประกาศ พรก.ฉุกเฉินไม่อาจเจาะจงเฉพาะพื้นที่ได้ จึงต้องประกาศคลุมทั้งหมด เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจควบคุมสถานการณ์พื้นที่ของตนเอง และไม่ใช่เป็นการล็อกทั้งประเทศ เป็นการประกาศเพื่อโยนอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในการสั่งการต่างๆได้
เนื่องจาก พระราชบัญญัติโรคติดต่อสั่งได้ไม่ครอบคลุม อย่างไรก็ตามการประกาศ ครั้งนี้จะสอดคล้องกับแผนการฉีดวัคซีนด้วยที่จะมาในสัปดาห์หน้านี้ จึงต้องมีมาตรการไม่เช่นนั้นหากโรคกลับมาระบาดลุกลาม จะกลายเป็นว่าวัคซีนไม่ศักดิ์สิทธิ์ แต่สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์กว่าวัคซีนคือ หน้ากาก และการเว้นระยะห่าง
อย่างไรก็ตาม หลังการประชุม ศบค. การพิจารณาเป็นอย่างไรก็จะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ในวันอังคารที่ 23 ก.พ.นี้ต่อไป นอกจากนี้ ศบค.ก็จะเตรียมพิจารณามาตรการผ่อนผันด้วย