เเม่ค้าออนไลน์เครียด โดนชายฉกรรจ์อ้างเป็นตร.ภาค9บุกจับ เรียกเกือบล้าน
เเม่ค้าออนไลน์ เจอกลุ่มชายฉกรรจ์บุกถึงหน้าบ้าน อ้างเป็นตร.ภูธรภาค9 ไม่มีหมายค้น ข่มขู่เรียกเงินเกือบล้าน ครั้งหนึ่งเคยสูญเสียคุณพ่อไปเพราะเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ จนกลายเป็นตราบาปติดตัวไปทั้งชีวิต
เเม่ค้าออนไลน์ชาวจังหวัดสงขลาเจอประสบการณ์เลวร้ายจนชีวิตหาทางไปต่อไม่เจอ จำฝังใจกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีเงิน จนหาเงินไปจ่ายค่ายาพ่อที่รักษาตัวเป็นมะเร็งไม่ทัน ทำให้ต้องสูญเสียคุณพ่อ เกิดเป็นความเสียใจของลูกคนหนึ่งที่รักษาชีวิตพ่อเอาไว้ไม่ได้ เพราะต้องเอาเงินไปจ่ายให้คนอื่นก่อน ล่าสุดต้องมาเจอเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อมีชายฉกรรจ์อ้างเป็นตร.ภูธรภาค 9 บุกจับไร้หมายค้น คุมตัวตอนเย็นปล่อยตอนเช้า เรียกเงินเกือบล้าน
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 64 ที่ผ่านมา มีผู้ชายประมาณ 5-6 คน ได้เข้ามาในบ้านเราและอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่มีการแสดงหมายค้น และไม่มีการแสดงตัว โดยที่เราก็ไม่ได้อนุญาตมีเพียงการให้ดูบัตรแค่แปบเดียว น้องเราซึ่งเปิดประตูเพื่อที่จะส่งของให้ขนส่งก็ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นก็ไปตามตัวเราลงมาจากข้างบน แล้วบอกให้เอาเครื่องมือสื่อสารทั้งหมดมาวางรวมกันในตะกร้า และได้ถอดโมเด็มกล้องวงจรปิดเราออก และผู้ชายที่เข้ามาก็ถามว่า “โกดังที่เก็บของอยู่ไหน พี่สืบมาหมดแล้วนะแต่อยากให้เราบอกเองจะได้ไม่หนัก” เราก็บอกว่า ก็ถ้าพี่รู้ขนาดนี้แล้วก็ให้น้องๆ มันพาไปเลยคะ หนูไม่ไป จะรอที่นี่ แล้วส่วนหนึ่งก็แยกไปโกดัง และควบคุมตัวเราไว้ที่บ้าน
จนเวลาช่วงทุ่มหรือสองทุ่มโดยประมาณ ผู้ชายกลุ่มนั้นก็บอกให้เราขึ้นรถไปกับเขา ระหว่างทางที่ไปก็มีการพูดว่า “น้องเคยเห็น บันทึกการจับกุม แบบพิสดารไหม” แบบเขียนให้ใครติดคุกหรือเขียนให้ใครรอดก็ได้ มันอยู่ที่ปลายปากกาของเจ้าหน้าที่นี่แหละ” เราก็ได้แต่เงียบ จนมาถึงสถานที่แห่งหนึงเป็นแฟลตตำรวจแต่ตรงข้ามเป็นอาคารชั้นเดียว พวกเขาเรียกกันว่าเซฟเฮ้าท์ ให้เรากับน้องแก๊บเข้าไปนั่งในห้อง แต่น้องๆ ผู้ชายอีก 3 คนให้รอข้างนอก แล้วก็มีหนึ่งในนั้นเข้ามาแล้วบอกว่า
ช: “น้องจะยังไงดี มีอะไรก็คุยกับผู้กองเค้าได้เลย”
เรา: แล้วหนูต้องทำยังไง
ช: “น้องก็ลองคิดดูว่าค่าของน้องประมาณเท่าไหร่”
เรา: ถ้าพี่จะเอา 7-8 แสน หนูไม่ไหว ของหนูจริงๆ แค่แสนห้า ที่เหลือหนูยังไม่ได้จ่ายเค้า
ช: น้องต้องลองคิดดู ใครช่วยไรน้องได้มั่ง หรือไม่น้องก็ต้องช่วยตัวเอง ไม่งั้นขึ้นศาลหมดอนาคตนะ
เราเลยขอติดต่อหาพี่สาว ซึ่งพี่สาวเราซึ่งเป็นเจ้าของแบรด์หนึ่งได้ช่วย 30,000 บาทและในกระเป๋าเรามีแค่ 20,000 บาท เลยบอกเค้าว่ามีอยู่แค่ 50,000 นี้ได้มั้ย เค้าก็ตอบว่าไม่ได้ๆ ให้เราช่วยตัวเอง จี้ไปที่แบรนด์ของพี่เราแค่แบรนด์เดียว ปริ้นภาพบัตรประชาชนพี่สาวเราออกมาแล้วบอกจะจัดการให้ถึงที่ บอกว่าถ้าเราไม่จบตรงนี้ไปจบที่ศาลจะโทษหนักนะ ประกันตัวเป็นแสนนะ หมดอนาคตเลยนะ หาคนอื่นช่วยได้มั้ย
ระหว่างนั้นคนที่เรียกว่าผู้กองก็เดินเข้ามาแล้วพูดจาเสียงดังลักษณะแบบข่มขู่ว่า “บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูดยาก มึ**ทำอะไรแก้บ(น้องสาว) เดี๋ยวจะเอาให้หนัก” แล้วเดินไปที่น้องเรา ตอนหลังถึงทราบว่าน้องเรามีการกดบันทึกเสียงเอาไว้ เลยทำให้พวกเค้าโมโหและแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสม
ณ ตอนนั้นเครียดมาก กดดันมาก และคิดว่าถ้าต้องหมดตัวอีกเหมือนครั้งก่อนจนไม่มีเงินไปรักษาพ่อคงไม่ไหว เลยตัดสินใจไม่จ่ายอะไรทั้งนั้น และให้ดำเนินการส่งฟ้องศาลผิดก็ว่ากันไปตามความผิด แต่เค้าก็พูดวนไปมาแบบนี้จนเกือบตี 4 เพื่อหว่านล้อมให้เราช่วยตัวเองโดยการจ่ายเงินให้จบตรงนั้นและพาวนกลับมาที่บ้าน เพื่อพิมพ์บันทึกการจับกุมและขนของ ไป สภ. ทุ่งลุง หาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ สงขลา ตอนประมาณเกือบตี 5
เราก็แค่เด็กคนนึงที่เคยต้องเสียพ่อไปเพราะเหตุการณ์แบบนี้ มันเป็นตราบาปเราไปทั้งชีวิตว่าเราหาเงินได้แต่ต้องให้คนอื่นแทนที่จะรักษาชีวิตพ่อตัวเอง ในวันที่เสียพ่อไปเราก็ต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ดูแลแม่และส่งน้องๆส่งน้องๆเรียน ไม่ผิดใช่มั้ยถ้าวันนี้เราจะออกมาปกป้องตัวเอง และเราเชื่อว่ามีอีกหลายๆคนที่โดนแบบเรา