ผู้กองเชอรี่ เล่าภารกิจปลอมตัวจับกุม ลงทุนโกนคิ้ว ยืนเนียนกวาดลานวัด

18 มีนาคม 2564

เผยเเผนปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ ของ รอง สว.สส สภ.วาปีปทุม ในภารกิจล่อซื้อจับกุม พ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ จนกลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน

    กลายเป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์ในโลกออนไลน์ กับกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วาปีปทุม ปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ ในการล่อซื้อจับกุมพ่อค้ายารายใหญ่  จนขยายผลจับกุมได้ 52,427 เม็ด หลังจากนำเข้ามาจากประเทศลาว 1,200,000 เม็ด โดยเมื่อวันที่ 16 มีค 64 ที่สภ. วาปีปทุม จ.มหาสารคาม พร้อมชุดจับกุม คือ ร.ต.อ. สมควร ปริตรวา  รองสว. สส. ฯ ที่ลงทุนปลอมตัวเป็นพระภิกษุสงฆ์เข้าไปทำการจับกุม  นายสุริโย ประทุมชัย อายุ 38 ปีบ้านเลขที่ 67 หมู่ที่ 3 ต. ลาดพัฒนา อ. เมือง จ. มหาสารคาม  และนายศักดิ์ศรี  วงศ์พุทธะ อายุ 50 ปีบ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 1 ต. โคกสีทองหลาง อ. วาปีปทุม จ. มหาสารคาม พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน  52527 เม็ด 

 เเละรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้ารุ่น Jazz สีดำหมายเลขทะเบียนกฉ 5298  มหาสารคาม  รถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสันรุ่น Almera สีขาวหมายเลขทะเบียน กน 2517 ร้อยเอ็ด โทรศัพท์ใช้ในการติดต่อซื้อขายจำหน่ายยาบ้าจำนวน 5 เครื่อง โดยกล่าวหาว่าร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายเหตุเกิดบริเวณภายในวัดปากน้ำหมู่ที่ 1 ต. หนองไฮ อ.วาปีปทุม  จ. มหาสารคาม  และขยายผลจับกุมไปที่บ้านเช่าเลขที่ 21 หมู่ที่ 18 ต. สีแก้ว อ. เมือง จ. ร้อยเอ็ด  

ผู้กองเชอรี่ เล่าภารกิจปลอมตัวจับกุม ลงทุนโกนคิ้ว ยืนเนียนกวาดลานวัด

โดยจากการสืบสวนรับแจ้งจากสายลับ นายสุริโย และนายศักดิ์ศรี เพิ่งพ้นโทษยาเสพติดมีออกมาจากเรือนจำ  มีพฤติการณ์จำหน่ายยาบ้าในเขตพื้นที่อ. วาปีปทุมจ. มหาสารคามโดยใช้รถยนต์ นายสุริโยจะนำยาบ้ามาส่งให้กับลูกค้าที่บริเวณวัดปากน้ำ ต. หนองไฮอ. วาปีปทุมจ. มหาสารคาม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ. วาปีปทุม  จึงได้วางแผนจับกุมและซุ่มดู  โดย ร.ต.อ. สมควร ปริตรวา  รองสว. สส. ฯ ปลอมตัวเป็นพระในวัดปากน้ำ พร้อมกับสายลับ เมื่อนายสุโย นำยาบ้ามาส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 3069  เม็ด

 

ผู้กองเชอรี่ เล่าภารกิจปลอมตัวจับกุม ลงทุนโกนคิ้ว ยืนเนียนกวาดลานวัด

    และนายสุริโยฯ ได้ให้การว่าได้ร่วมกับนายศักดิ์ศรีฯ ลักลอบนำยาบ้ามาจำหน่ายในพื้นที่โดยมีนางแอ่วเป็นคนสั่งการและได้เช่าบ้านร่วมกันไว้ที่  อ. เมืองจ. ร้อยเอ็ด และขณะนั้นนายศักดิ์ศรี  ได้พักอยู่บ้านเช่าเลขที่ 59 หมู่ที่ 18 ต. สีแก้ว อ. เมือง จ. ร้อยเอ็ด  และมียาบ้าเหลืออยู่เพื่อรอจำหน่ายจึงได้ยินยอมและนำพาเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจยึดยาบ้าที่เหลือที่บ้านดังกล่าวพบยาบ้าอยู่ภายในบ้านดังกล่าวจำนวน 500 เม็ดกับนายศักดิ์ศรี และตรวจค้นรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน พบยาบ้าอีกจำนวน 24 มัด (มัดละ2000 เม็ดซุกซ่อนเอาไว้ฝากระโปรงหลังรถพบในกระเป๋าสะพายสีน้ำตาลอยู่ในรถ 4 ถุงรวมยาบ้าจำนวน 49,958  เม็ดรวมยาบ้าทั้งหมด 52,427 เม็ด

 

ผู้กองเชอรี่ เล่าภารกิจปลอมตัวจับกุม ลงทุนโกนคิ้ว ยืนเนียนกวาดลานวัด

 

   ทั้งสองได้ให้การรับสารภาพว่าได้ไปรับยาบ้ามาจาก อ. เขมราฐ  จ. อุบลราชธานี   โดยมีนางแอ๋ว  ชาวอ. กันทารารมย์ จ. ศรีสะเกษ  เป็นคนสั่งให้ไปรอรับยาบ้าจำนวน 200 ลูก เป็นจำนวน 1,200,000 เม็ด บริเวณถนนหน้าโรงพยาบาลเขมราฐและนำไปส่งลูกค้าตามจุดต่างๆที่นางแอ๋วสั่งการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม, ร้อยเอ็ดกาฬสินธุ์, บุรีรัมย์สุรินทร์ศรีสะเกษอำนาจเจริญโดยนางแอ๋วได้ติดต่อซื้อขายยาบ้ากับเจ๊ชาวลาว  จึงได้นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนสภ. วาปีปทุมดำเนินคดีต่อไป

 

 


 ด้าน ผู้กองเชอรี่ หรือ ร.ต.อ.สมควร ปริตวา รอง สว.สส สภ.วาปีปทุม  ตำรวจที่ปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ซึ่งกลายเป็นคนดังในชั่วข้ามคืน ย้อนเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันนั้นมีสายรายงานว่า มีการนัดหมายส่งยาเสพติดที่วัดแห่งหนึ่ง ในอ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ชุดสืบสวน สภ.วาปีปทุม จึงได้ลงพื้นที่เพื่อทำการจับกุม โดยสถานที่ทำการจับกุมเป็นวัด ซึ่งมีสถานที่โล่งแจ้ง หากเจ้าหน้าที่ลงไปจับกุมผู้ต้องหาจะไหวตัวทัน จึงได้วางแผนปลอมตัวเป็นพระ เข้าไปแฝงตัวอยู่ในวัด นานกว่า 2 ชั่วโมง โดยขออนุญาติเจ้าอาวาสวัดแล้ว ก่อนจะทำกิจวัตรเหมือนพระสงฆ์จริง เช่น การทำความสะอาดวัดด้วยการกวาดใบไม้ในลานวัด นั่งในกุฏิคล้ายปฏิบัติธรรม เมื่อผู้ต้องสงสัยขับรถเข้ามาเข้ามาภายในวัด จึงแสดงตัวเพื่อเข้าจับกุมอย่างง่ายดาย
 

 

ผู้กองเชอรี่ เล่าภารกิจปลอมตัวจับกุม ลงทุนโกนคิ้ว ยืนเนียนกวาดลานวัด

 

   สำหรับการปลอมตัวเป็นพระ ตนเคยปลอมตัวเป็นพระเพื่อจับผู้ต้องหาคดียาเสพติดเมื่อปี 2561 โดยเพื่อนร่วมงานชุดจับกุมด้วยกันบอกว่า รูปร่างหน้าตาเหมือนพระ น่าจะปลอมตัวเป็นพระ เพื่อเข้าทำการจับกุม โดยครั้งนี้ตนลงทุนโกนคิ้วให้เหมือนพระจริง ๆ ด้วย ส่วนจีวร สบง อังสะ ตนก็ลงทุนซื้อเก็บไว้ในที่ทำงาน  นอกจากนี้ ตนยังเคยปลอมตัวเป็นไร่ชาวนา เป็นครู ภารโรง เพื่อแฝงตัวเข้าไปจับกุมคดียาเสพติด ซึ่งแล้วแต่สถานการณ์ว่า ผู้ต้องสงสัยประกอบอาชีพอะไร ส่วนผู้บังคับบัญชาก็ชื่นชมในความสามารถของตน ซึ่งทุกครั้งที่ปฏิบัติภารกิจก็จะเต็มที่ทุกงาน เพื่อให้ยาเสพติดหมดสิ้นไป   

 

ขอบคุณ
ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี
www.policetv.tv