รวบหัวหน้าเเก๊ง สุดเเสบอ้างเป็นสารวัตรเรียกรับเงิน เจอหมายจับอีกเพียบ
จับหัวหน้าแก๊งแสบ อ้างตัวเป็นสารวัตร ตำรวจ ปคบ.เรียกรับเงินเจ้าของบริษัทยาและคลินิกเถื่อนเพื่อช่วยเหลือคดีหลังถูกจับ ค้นประวัติหมายจับอีกเพียบ
วันที่ 22 มีค.2564 ด้วยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยการอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา,พ.ต.อ.ศรีศักดิ์ คัมภีรญาณ, พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง, พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4.บก.ปคบ., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.จตุรงค์ ผลเกิด รอง ผกก.4.บก.ปคบ. พ.ต.ท.นิธิ ตรีสุวรรณ สว.กก.4.บก.ปคบ., พ.ต.ต.สุรสีห์ คงทัพ สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ปคบ.,
ร่วมจับกุมตัวนายวันชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปีข้อกล่าวหาซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “กรรโชก และฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ จ.538/2560 ลง 31 สิงหาคม 2560จับกุมได้ บริเวณริมทางสาธารณะ ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางรักใหญ่ อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2560 นายวันชัยฯ ผู้ต้องหา ได้โทรศัพท์ไปหาผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาและวัสดุการแพทย์รายใหญ่ โดยผู้ต้องหาหลอกลวง อ้างตัวว่าเป็นนายตำรวจตำแหน่งสารวัตร ชื่อสารวัตรพิเชษฐ์ เป็นพนักงานสอบสวนอยู่ สภ.สลุย จ.ชุมพร และเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีที่มีการจับกุมยาแผนปัจจุบันซึ่งเป็นยาอันตรายไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยบอกกับผู้เสียหายว่า ให้โอนเงินมาให้จำนวน 150,000 บาท แล้วตนเองจะเคลียร์คดีให้ อีกทั้งจะนำยาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดไว้มาคืนให้ โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการรอส่งตรวจพิสูจน์ และยังพูดข่มขู่บังคับให้ผู้เสียหายรีบตัดสินใจ ถ้าไม่โอนเงินจำนวนดังกล่าวมา ตนจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ด้วยความกลัวผู้เสียหายจึงโอนเงินจำนวนดังกล่าวไปให้ผู้ต้องหา หลังจากนั้นผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาได้อีก เชื่อว่าถูกผู้ต้องหาหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ภาษีเจริญ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหา
และจากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วจำนวนหลายครั้ง โดยมักหลอกลวงอ้างตัวเป็นตำรวจหน่วยงานต่างๆ และเป็นอัยการ เพื่อเรียกรับเงินจากผู้ต้องหา แลกกับการวิ่งเต้นช่วยเหลือคดีให้ผู้ต้องหาพ้นจากการถูกดำเนินคดี โดยมีหมายจับอีกจำนวน 15 หมายจับ ดังนี้
1. หมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ จ.538/2560 ลงวันที่ 31 ส.ค.2560 ข้อหา "กรรโชก และฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น" (สน.ภาษีเจริญ กทม.)
2. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 542/2562 ลงวันที่ 2 ต.ค. 2562 ข้อหา "ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น" (สภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่)
3. หมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.627/2562 ลงวันที่ 21 พ.ย. 2562 ข้อหา "ฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น" (สภ.สารภี จ.เชียงใหม่)
4. หมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 229/2561 ลงวันที่ 15 พ.ค. 2561 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น" (สภ.บ่อวิน จ.ชลบุรี)
5. หมายจับศาลแขวงลําปาง ที่ 4/2560 ลงวันที่ 6 ม.ค. 2560 ซึ่งต้องหาว่ากระทําผิดฐาน "ฉ้อโกงทรัพย์" (สภ.เมืองยาว จ.ลำปาง)
6. หมายจับศาลจังหวัดนาทวี ที่ 238/2560 ลงวันที่ 26 ก.ค. 2560 ข้อหา "ฉ้อโกงทรัพย์" (สภ.ปาดังเบซาร์ จ.สงขลา)
7. หมายจับศาลจังหวัดนครพนม ที่ 10/2560 ลงวันที่ 12 ธ.ค. 2560 ข้อหา "ฉ้อโกง" (สภ.เมืองนครพนม จ.นครพนม)
8. หมายจับศาลจังหวัดมุกดาหาร ที่ จ.38/2559 ลงวันที่ 2 ก.พ. 2559 ข้อหา "ฉ้อโกง" (สภ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร)
9. หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 83/2559 ลงวันที่ 15 ก.พ. 2559 ข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์โดยแสดงตนเป็นคนอื่น" (สภ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์)
10. หมายจับศาลจังหวัดแพร่ ที่ 50/2559 ลงวันที่ 17 มี.ค. 2559 ข้อหา "ฉ้อโกง" (สภ.เมืองแพร่ จ.แพร่)
11. หมายจับศาลแขวงนครไทย ที่ 32/2559 ลงวันที่ 2 พ.ค. 2559 ข้อหา "ฉ้อโกงทรัพย์" (สภ.นครไทย จ.พิษณุโลก)
12. หมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ 17/2558 ลงวันที่ 13 ม.ค. 2559 ข้อหา "ฉ้อโกง" (สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี)
13. หมายจับศาลจังหวัดบึงกาฬ ที่ มจ.181/2558 ลงวันที่ 3 ธ.ค. 2558 ข้อหา "ฉ้อโกง" (สภ.บึงโขลงหลวง จ.บึงกาฬ)
14. หมายจับศาลจังหวัดสวรรคโลก ที่ จ.85/2559 ลงวันที่ 1 ก.ย. 2559 ข้อหา "ฉ้อโกงทรัพย์" (สภ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย)
15. หมายจับศาลจังหวัดนครพนม ที่ จ.47/2558 ลงวันที่ 5 พ.ค. 2558 ข้อหา "เรียกรับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ทำการตรวจค้นจับกุมคลินิกเถื่อน จำนวน 2 แห่ง โดยแห่งแรกเปิดเป็นคลินิกพัฒนาสายตา ตั้งอยู่ภายในซอยเพชรเกษม 48 แยก 16 เขตภาษีเจริญ กทม. และแห่งที่สองเปิดเป็นคลินิกเสริมความงาม ตั้งอยู่ที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี โดยคลินิกทั้งสองแห่งดังกล่างมิได้มีการขออนุญาตประกอบสถานพยาบาลและขึ้นทะเบียนเป็น ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม อีกทั้งยังจำหน่ายยาแผนปัจจุบันโดยมิได้รับอนุญาตและมิได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา จึงทำการจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าว พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ ส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาได้มีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. โทรศัพท์ไปหาผู้ต้องหาทั้งสองราย เพื่อเรียกรับเงิน โดยอ้างว่าสามารถวิ่งเต้นช่วยเหลือคดีได้ เป็นเหตุให้ผู้ต้องหาทั้งสองรายหลงเชื่อ โอนเงินไปให้บุคคลดังกล่าว จำนวนเกือบ 200,000 บาท ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองรายทราบว่าภายหลังว่าถูกหลอกจึงได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ทำการสืบสวนจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุไปแล้วจำนวน 2 ราย และจากการสืบสวนขยายผลพบว่า นายวันชัยฯ เป็นหัวหน้าขบวนการ ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายจับนายวันชัยฯ ในคดีทั้งสองดังกล่าวต่อไป โดยนายวันชัย รับสารภาพในข้อหาฉ้อโกง ส่วนข้อหากรรโชกทรัพย์ให้การปฏิเสธ