เมียหลวงคู่กรณีโต้กลับลูกสาวแม่ม่าย ไม่ได้ป่าเถื่อนอย่างโดนกล่าวหา
เมียหลวงคู่กรณีโต้กลับลูกสาวแม่ม่าย ยันไม่ได้ทำร้ายร่างกายอย่างใจร้ายผิดมนุษย์ เล่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุละเอียดยิบ แสดงความบริสุทธิ์พร้อมช่วยเหลือเยียวยา?
สืบเนื่องจากกรณีที่แม่ม่ายรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกแก๊งเมียหลวงพร้อมพวกบุกทำร้ายร่างกายเนื่องจากจับได้ว่าเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนายช่างรับเหมาสามีของเธอ แต่วิธีการลงโทษนั้นทำเอาชาวบ้านที่ได้เห็นข่าวถึงกับหดหู่สะเทือนใจอย่างมาก จนเป็นเหตุทำให้หม้ายสาวอาการโคม่าต้องนอนไอซียู อีกทั้งหมอได้บอกกับญาติๆ ว่าให้ทำใจรอไว้เรื่องจากอาการสาหัสมาก
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เมียหลวงสุดเถื่อน ยกพวกบุกจับเมียน้อย รุมทำร้ายผิดมนุษย์
ล่าสุดเมียหลวงคู่กรณีได้โต้กลับว่า เธอไม่ได้ทำร้ายแม่ม่ายเมียน้อยอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งวันเกิดเหตุตนได้สังเกตพฤติกรรมของสามี และด้วยความที่รถของตนมีระบบ จีพีเอส (GPS) จึงได้ขับรถตามไป เนื่องจากมองว่าผิดปกติกับคำบอกบอกกล่าวของสามีที่ว่าจะไปทำธุระ ครั้นเมื่อไปถึงก็เห็นสามียืนเคาะประตูห้องที่เกิดเหตุอยู่แล้ว ตนจึงได้เค้นถามสามี แต่ฝ่ายชายก็ไม่ยอมบอก จากนั้นจึงได้เคาะประตู แต่ด้านไหนก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา
ตนรออยู่นานแต่ด้านไหนก็ไม่มีใครเปิดประตูออกมา กระทั่งลูกๆ ของตนมาถึงจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไป ซึ่งสิ่งที่เห็นก็คือพบแม่ม่ายสาวคู่กรณีของตนนอนน้ำลายไหลไม่ได้สติอยู่ที่พื้น ในสภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้า มีเพียงแต่ผ้าขนหนู 1 ตัว ทั้งนี้ตนยืนยันว่าช่วงเวลานั้นตนไม่ได้เข้าไปทำร้ายเธอแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่ามีอารมณ์โมโห ที่เปิดประตูเข้าไปด้านไหนแล้วเจอแบบนั้น เพราะก่อนหน้านี้ตนเคยจับได้ว่าสามีแอบคุยกับหญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่ตนเคยห้ามแล้ว
ยืนยันอีกครั้งว่าตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายเธอแต่อย่างใด มีเพียงแต่สะกิดหัวไหล่เธอเบาๆ เพื่อที่จะให้เธอได้สติ และถามว่าลงไปนอนทำอะไรบนพื้น เกิดอะไรขึ้น ไปไหนกันมา แต่เธอได้ส่งเสียงร้องมาแค่ว่า "เออ อา" คล้ายกับลักษณะลิ้นแข็งพูดจาไม่ได้ความ ซึ่งตนไม่ได้ทำอะไรประกอบกับลูกๆ ของตนบอกว่าไม่ต้องไปยุ่ง ตนจึงได้ถอยห่างออกมา พร้อมบอกให้ลูกชายไปบอกเจ้าของรีสอร์ตเรียกกู้ภัยมารับตัวส่งโรงพยาบาล
นอกจากนี้ตนมีคลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ขอยังไม่เปิดเผยตอนนี้ เนื่องจากจะเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำไปต่อสู้ในชั้นศาล ย้ำชัดอีกครั้งว่าไม่ได้ทำร้ายอย่างโหดร้ายทารุณตามที่เป็นข่าว เนื่องจากในที่เกิดเหตุไม่มีไม้กวาดที่ใช้ก่อเหตุ และบริเวณดังกล่าวไม่มีคราบเลือด ทว่าในฐานะของผู้ถูกกล่าวหา ตนพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย โดยเฉพาะเรื่องโทรศัพย์ แต่ทรัพย์สินอย่างอื่นของคนเจ็บตนไม่ได้แตะต้อง ทั้งนี้ตนพร้อมช่วยเหลือครอบครัวคนเจ็บแม้ว่า ตำรวจจะยังไม่สรุปคดี อีกอย่างคืออยากฝาก ถึงครอบครัวของคนเจ็บว่า มีความจริงอะไรก็ให้ออกมาพูดคุยกัน