ส้มเช้ง สามช่า เผยหมดเปลือก หลังเปิดตัวลูกชีวิตเปลี่ยน พร้อมเผยสถานะหัวใจ
สัมภาษณ์เปิดใจนักแสดงตลกชื่อดังอย่าง ส้มเช้ง สามช่า โดยเจ้าตัวได้มีการพูดถึงประเด็นเปิดตัวลูกสาวทั้งสองคนงานก็ยิ่งรุ่ง รับออกกฎเหล็กห้ามลูกมีแฟนจนกว่าอายุ 30 พร้อมเปิดสถานะหัวใจตัวเอง
วันนี้ (25/03/2564) รายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ได้มีการสัมภาษณ์เปิดใจนักแสดงตลกชื่อดังอย่าง ส้มเช้ง สามช่า โดยเจ้าตัวได้มีการพูดถึงประเด็นเปิดตัวลูกสาวทั้งสองคนงานก็ยิ่งรุ่ง รับออกกฎเหล็กห้ามลูกมีแฟนจนกว่าอายุ 30 พร้อมเปิดสถานะหัวใจตัวเองตอนนี้ ใครคิดจีบบอกเลยว่ายาก
ย้อนกลับไปจริงๆแล้วจุดเริ่มต้นของเรา เราเริ่มต้นจากการเป็นลิเกก่อน
ส้มเช้ง สามช่า : จริงๆแล้ว ถ้าเริ่มต้นจริงๆพ่อแม่ไม่ได้เป็นลิเกนะคะ แต่เพราะว่า พี่เท่ง เอามาติดแล้วพอติดแล้วรักษาไม่ได้เลย แต่จริงๆครอบครัวคือเป็นโต้โผลิเก คือ มีเวที มีเครื่องเสียง แต่ว่ารอบบ้านเราเขาเป็นลิเกกันหมดเลย แล้วเพราะรอบตัวเรามีแต่ลิเกมันเลยซึมซับเข้าตัวของเราไปเอง แล้วคือการร้องลิเกกับร้องลูกทุ่งมันจะมีความดิบมันมาจากธรรมชาติก็จะเป็นเสน่ห์แต่ละคนก็จะแตกต่างกันไป แล้วอีกเรื่องคือ การเป็นลิเกจะมีครูบารอาจารย์อยู่แล้ว ยิ่งพอแต่งองค์ทรงเครื่องจากคนที่หน้าตาดีก็ยิ่งหล่อไปใหญ่เลย แล้ว ลิเก จะมีการส่งสายตายิ่งมองจะยิ่งหลงใหล
งานปังมากต่อเนื่องมาตลอด แล้วก็ยิ่งปังไปอีกหลังจากที่ประกาศว่าฉันมีลูกสาวสองคนแล้ว
ส้มเช้ง สามช่า : ใช่ค่ะ แต่บอกเลยว่าลูกสาวสองคนนี้พ่อเดียวนะคะ ตอนนี้ลูกสาวคนโตอายุ 23 ส่วนคนเล็ก 22 ค่ะ ถ้าถามว่าลูกหวงแม่ไหม ต่างคนต่างหวงกันดีกว่าเราก็เป็นห่วงเขา เขาก็เป็นห่วงเรายิ่งลูกคนโตเราก็จะพูดว่าลูกเราหัวอ่อน ลูกเราหัวอ่อน คือ เขาเป็นคนน่ารักบอกให้นั่งก็นั่ง แต่อย่างลูกคนเล็กชื่อน้องคิม อย่างให้เราบอกให้นั่งคำแรกที่เขาถามคือ นั่งทำไมคะ แม่จะคุยอะไร แม่จะให้ทำอะไร แต่ลูกคนโตจะต่างกันเลยเชื่อฟัง ให้ทำอะไรก็ทำว่าง่ายเราก็คิดว่าลูกเราหัวอ่อน ไม่อยากให้ลูกมีแฟนพอมีคนเข้ามาจีบเราก็จะกันเขา คือเราสอนลูกคือรักใครก็รักได้แต่ต้องรักแค่ครึ่งใจ เราก็สอนเขาให้เห็นถึงความเป็นจริงในปัจจุบันว่าเห็นไหมเวลาที่คนรักกันมากๆ แล้วรักใครรักครึ่งเดียวให้แน่ใจกับผู้ชายคนนั้นก่อนแล้วค่อยมาแนะนำกับแม่ว่าเป้นแฟน แต่แม่ของตอนที่หนูเรียนจบปริญญาโทแล้วอายุ 30 ปี ถึงจะมีแฟนได้ ไม่ได้บังคับลูกนะคะ ลูกโอเคเลยค่ะ
คิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่ ดุ ไปไหม
ส้มเช้ง สามช่า : ค่อนข้างดุค่ะ แต่เราจะดุเป็นเพื่อนนะเราเลี้ยงลูกเป็นเหมือนเพื่อนคุยกันทุกเรื่อง เที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกัน คุยกันทุกเรื่อง อันไหนที่ต้อง เป๊ะ!! ก็ต้องเป๊ะ อันไหนปล่อยไหลก็ปล่อย เป็นคนที่ดีดีใจหายเป็นคนที่ดูว่าเหมือนแรง แต่จริงๆโครตใจดี คือ ตอนที่ลูกขอเราก็อาจจะมีบ่นๆบ้างแต่จริงๆสุดท้ายเราก็ซื้อให้เขา เหมือนปากร้ายใจดี
ที่บอกว่าลูกพารุ่งก็คือ ลูกสาว อยากทำช่องยูทูป คือ เป็นยูทูปเบอร์
ส้มเช้ง สามช่า : คือ อยู่มาวันหนึ่งลูกบอกว่าอยากให้แม่ทำยูทูปเราก็บอกว่าจะให้แม่ทำยังไง ไม่มีกล้อง ไม่มีทีมงาน ซึ่งลูกสาวคนโตเขาเรียนภาพยนตร์มาเขาก็ไฟแรง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวหนูชวนเพื่อนหนูมา เราก็โอเคนัดกันมาถ่ายพอถ่ายเสร็จตัดลงวันนั้นเลยคนดูทั้งหมด 700 คนค่ะ (หัวเราะ) ซึ่งมันก็เป็นสไตล์เรา ซึ่งเราก็กลับมานั่งคุยปัญหากันมาว่าเกิดจากอะไร ลูกก็แนะนำว่าเราตัดเป็นคลิปสั้นๆไปลงโปรโมทใน IG กับ เฟสบุ๊ค ของแม่ไหม เราก็เลยตัดลงไปตอน EP2 คนดูเยอะเลยเป็นหลักล้านเลยค่ะ เปิดมาได้ 6 เดือนแล้วตอนนี้ เราก็เลยลงทุนซื้อกล้อง ซื้อไฟที่มันจำเป็นต้องใช้ทำงาน ตอนนี้มีทีมงานตัดต่อ ตากล้อง แล้วครีเอทีฟก็เป็นเรากับลูกสาว ลูกสาวปลื้มมากเลยค่ะ ตอนนี้ก็เริ่มมีสปอนเซอร์เข้าแล้วทุกคนดีใจมากเราก็แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ให้เลยว่าแต่ละคนควรได้รับเท่าไหร่ แค่อย่างบางคนที่ได้เปอร์เซ็นต์แล้วได้น้อยเราก็ให้เขาเป็นเงินเดือนไปเลย ซึ่งพอได้เงินจากตรงนี้ ลูกสาว เขาก็พูดกับเราว่าหนูจะไม่ให้แม่ลำบากแล้วนะเพราะว่าแม่ลำบากมามากแล้วเดี๋ยวหนูจะดูแลตัวเอง ซึ่งตอนนี้เขาก็รับผิดชอบผ่อนรถของเขาด้วยตัวเขาเอง แล้วต่อไปเงินเดือนแม่ไม่ต้องจ่ายหนูแล้วนะ พอเราได้ฟังน้ำตาจะไหลเลยค่ะ เพราะเราภาคภูมิใจในตัวเขา อยู่ๆเขาพูดมาแบบนี้จุกเลยเราก็เขาว่าไม่เป็นไรลูกมันคือความรับผิดชอบของแม่ ลูกใช้ชีวิตปกติไปเถอะ ทุกอย่างเหมือนเดิม
ส้มเช้ง สามช่า : เพราะว่าช่วงโควิดที่ผ่าน คือ ส้มใช้เงินแบบกระเป๋าฉีกไปเลยช่วงนั้น เพราะเอาไปซื้อที่จ่ายเงินสด แล้วเว้นไปสองเดือนซื้อที่อีกหนึ่งแปลงก็จ่ายเงินสด แม่กำลังจะอยากได้บ้านเดือนกุมภาพันธ์ เราก็ให้เพื่อนเขียนแปลงปลูกบ้าน เริ่มปลูกบ้านโควิดก็มาเลย เพราะตอนที่เราเริ่มทำทุกอย่างโควิดยังไม่มาเพราะว่าเราคิดว่าเป็นเงินเก็บ พอตรงนี้หมดไปมันจะหมุนได้รันได้เดี๋ยวเราก็มีเงินเก็บอีก คือ เงินที่เตรียมไว้คือ เอาไปปลูกบ้านแม่แล้วโควิดมางานก็ไม่ได้อัดช่วงนั้น เราก็บอกลูกว่าอันไหนที่ไม่จำเป็นก็ประหยัดนะ ลูกสาวเราก็ฝังตรงนั้นไว้เลยว่า แม่ไม่มีเรากำลังลำบากแล้วนะ เราจะฟุ่มเฟือยไม่ได้ แต่ปกติแล้วที่บ้านเราจะไม่ได้เป็นคนฟุ่มเฟือยอยู่แล้วค่ะ เราจะสอนลูกอยู่แล้ว แต่ปกติคือลูกจะเห็นเราทำงานปกติอยู่แล้ว แต่ช่วงโควิดลูกจะเห็นว่าเราไม่ได้ไปทำงานแล้วเครียด จนถึงขนาดเราเข้าใจแล้วว่าคนที่เขาเป็นโรคซึมเศร้าแล้วจะฆ่าตัวตายเลยนะ คือ วันนั้นปล่อยชั่วโมงตัวเองที่ไหลไปกับใจตัวเองนะ วันนั้นอาจะไม่มี ส้มเช้ง วันนี้ ก็ได้เพราะว่าเวลาที่มันแว่ปขึ้นมามันคิดเลยว่า จะอยู่ทำไม เดี๋ยวคนในโลกก็ตาย เดี๋ยวลูกก็ตาย เดี๋ยวทุกคนข้างตัวเราก็ตาย แล้วเราจะรับได้ไหมแล้วรับไม่ได้ คือ ตอนนั้นเราคิดแบบนั้น ตอนนั้นไม่ใช่เพราะว่าเงินติดขัดอะไรนะคะ แต่เป็นจังหวะที่ไม่ได้ทำงานเพราะว่าเราเป็นคนที่ทำงานทุกวัน ความฟุ้งซ่านของเราที่เกิดขึ้นตอนนั้นเพราะว่าเราไม่ได้ทำงาน มันว่างจนดิ่ง
เพราะว่า ส้มเช้ง ต้องดูแลพี่น้องด้วยทุกคน
ส้มเช้ง สามช่า : ใช่ค่ะ เรามีพี่น้อง 6 คน คือ ดูแล 5 คน ซึ่ง 5 คนในที่นี้เราดูแลหมดยกเว้นพี่เท่ง พี่เท่ง เราจะดูแลเป็นครั้งคราว คือ พี่น้องของ ส้ม ทุกคน ส้มพูดได้เลยว่าถ้าฉันยังมีลมหายใจอยู่ ฉันจะช่วยเหลือทุกคนให้อยู่ดีกินดี ไม่เท่าเราก็ต้องเกือบๆเท่าเรา พี่น้องทุกคน ส้ม พูดได้เลยนะรถยนต์ ส้ม ซื้อให้ทุกคนไม่ได้ซื้อแจกแต่เราเห็นความต้องการของเขา เพราะเราให้รถเขาเอาไปทำอาชีพ ให้เขาสามารถเลี้ยงลูกของเขาได้ไม่งั้นก็ตกที่เราอีก
เพราะความมีน้ำใจนึกถึงพี่น้องแบบนี้ เลยทำไห้ไม่มีหนุ่มๆเข้ามาจีบเพราะบอกว่า จีบยาก
ส้มเช้ง สามช่า : คือเราไม่หวังเพิ่งใคร เพราะเรามีความสุขที่เราได้ทำงานแล้วเราได้เงินเรามีเงินให้พ่อ ให้แม่ คือ ผู้ชายเขาก็จะคิดมากถ้าจะเข้ามาหาเราคือ หนึ่งเราคิดไงจะมายังไงเราก็มีลูกแล้วนะ แต่ถามว่าเปิดตัวว่ามีลูกมีคนเข้ามาไหมก็มีนะคะ มีทั้งผู้ชาย ทอม มาหมด แต่เอาจริงๆเราไม่ได้คิดถึงเรื่องการมีคู่มาจะยี่สิบปีได้แล้วค่ะ เพราะว่าเลิกกับแฟนตั้งแต่น้องหยก ยังไม่สามขวบเลย เลยไม่เอาดีกว่าตัดปัญหา