ยูทูปเบอร์ดังทำ"ชานมกระป๋อง"ส่งขาย ทำธุรกิจด้วยหัวใจ สุดท้ายขาดทุน 17 ล้าน

เรื่องราวที่ถูกให้ความสนใจโนโลกออนไลน์ กรณี 2 ยูทูปเบอร์คนดังทั้งหนุ่มกานต์ อรรถกร รัตนารมย์  และ ซารต์ ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช เจ้าของช่อง Bearhug ที่มีผู้ติดตามมากว่า 3.56 ล้านคน ได้แชร์ประสบการณ์การทำธุรกิจซึ่งทั้งคู่ได้ทำชานมกระป๋อง "ซันซุ" (Sun Su) ส่งขายในร้านสะดวกซื้อชื่อดังซึ่งผลปรากฏว่า ขาดทุนย่อยยับถึง 17 ล้าน

ซึ่งเพจ Bearhug Family ได้โพสต์คลิปพร้อมแคปชั่นว่า อันนี้เป็นบทเรียนล่าสุดที่เราเจอเลย (ปี 2020-2021) เราคิดว่าการขาดทุนของเราจะมีประโยชน์ที่สุด ถ้าเราได้ทำคลิปเล่าเก็บไว้เป็นความทรงจำ ถ้าดูในงบการเงิน ทุกคนอาจจะเห็นเลข -10ล้าน แต่จริงๆจะมีค่าใช้จ่ายติดพันมาจนถึงสิ้นปี 2021 บลาๆ ที่คำนวณสุดท้ายแล้ว น่าจะจบที่ -17ล้านแหละ (น้ำตาไหล)
-------------------------------------------------------------------------
แต่ไม่เป็นไร ยังไง "ระหว่างทางก็สำคัญกว่าผลลัพธ์ ทุกบทเรียนสอนให้เราแข็งแกร่งขึ้นเสมอ" ถึงเงินจะหมดแต่ความฝันจะพาแบรนด์ไทยไปต่างประเทศเราไม่เคยหมด! ขอบคุณทุกคนที่ดูคลิปนี้จนจบน้า ถึงน้องชานมกระป๋องจะออกจาก 7-11 ไป แต่เรามีลอตสุดท้ายที่เหลืออยู่เผื่อใครอยากลองชิมน้า เราไม่ผลิตแล้วจริงๆ เพราะกระป๋องเปล่าทั้งหมด เราเอาไปบริจาคมูลนิธิขาเทียมหมดแล้ว
สำหรับสั่งชานมกระป๋องซันซุลอตสุดท้าย

ซึ่งทั้งคู่ ได้เล่าบทเรียนอันล้ำค่าส่งต่อให้คนที่มีความคิดที่จะทำธุรกิจ ชานมกระป๋อง "ซันซุ" (Sun Su) เพื่อที่จะนำไปเป็นบทเรียนสำหรับผู้ที่คิดทำธุรกิจ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอย่างตนทั้งคู่

เริ่มจากที่ทั้งคู่ ทำช่องยูทูปและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และได้เปิดร้านชานมไข่มุกของเป็นของตัวเองในนาม "Bearhouse" สาขาแรกตั้งอยู่ที่สยามสแควร์ซึ่งขายดิบขายดีคนต่อคิวซื้อกันแบบยาวเหยียด และขยายสาขาไปแล้วในปัจจุบันไปอีกเกือบๆ 10 แห่งด้วยกัน

จากนั้น ได้ต่อยอดธุรกิจ ด้วยการทำชานมกระป๋องภายใต้แบรนด์ "ซันซุ" (Sun Su) เข้าไปขายใน 7-Eleven ราคากระป๋องละ 35 บาท แต่ปรากฏว่า ทั้งสองขาดทุนไป 17 ล้านบาทเลยทีเดียว

โดยพูดถึงการขาดทุนดังกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าชานมนั้นขายไม่ได้ มันขายได้ แต่มันไม่มีกำไร โดยยกตัวอย่างเช่น ยอดขายขายได้ 100 ล้าน แต่เมื่อหักต้นทุนทั้งหมดปรากฏว่าติดลบ 17 ล้าน ซึ่งเกิดจากการที่พวกเราไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ในการนำสินค้าเข้าเซเว่นมาก่อน ไม่ได้คำนึงถึงภาษีและต้นทุนแฝงต่าง ๆ ที่ต้องเจอในระหว่างทำธุรกิจ

อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ การไม่ยอมลดต้นทุนในธุรกิจ แม้จะมีสูตรอื่นที่ทำให้พทั้งสองคนสามารถเลี่ยงภาษีความหวานได้ และรสชาติไม่ได้ต่างจากเดิมมากนัก แต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมทำ คิดว่าการปรับสูตรนี้จะเป็นทางรอดให้ชานมกระป๋องให้ไปต่อได้ แต่ซารต์บอกว่า หากปรับสูตรแล้วรู้สึกว่าปรับแล้วเราไม่ภูมิใจในรสชาติ ไม่ภูมิใจในตัวสินค้า สู้ไม่ขายเลยยังจะรู้สึกดีกว่า

คลิปนี้ไม่ได้มีแค่บทเรียนในการทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงวิธีคิดและกำลังใจ ด้วยว่าในวันที่ธุรกิจไปต่อไม่ได้ เราจะต้องทำอย่างไรต่อ ซึ่งมันสะท้อนนี้ ถามว่าเครียดไหม แน่นอนว่าเครียดมากๆ แต่เราไม่รู้จะเครียดไปทำไม ถ้าเราเครียดเราจะหาสิ่งดีๆ เข้ามาใหม่ไม่ได้ ถือว่า 17 ล้านนี้เป็นค่าเรียน เป็นประสบการณ์ชีวิต ที่ไม่ต้องไปเรียนที่ไหนอีก

เอาเป็นว่ายังอมีอีกหลายต่อหลายเรื่องเลยทีเดียว สามารถชมคลิปได้ด้านล่าง