นศ.สาว บุกเเจ้งความ พนง.ร้านไวน์ดังคู่กรณี ใครกันเเน่ที่เริ่มก่อน
ภาพจากกล้องวงจรปิดจะชี้เเจงทุกอย่าง นศ.สาวบุกโรงพักลาดกระบัง เเจ้งความพนง.ร้านไวน์คู่กรณี ยังไม่ได้รับคำขอโทษ ใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อนกันเเน่ ด้านพี่สาว ยัน น้องเป็นเด็กขยัน เรียนดี ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว
กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Pim Pawinee" โพสต์คลิปเหตุการณ์มีปากมีเสียงกันระหว่างเจ้าของคลิป และพนักงานร้านไวท์แห่งหนึ่ง โดยมีข้อความประกอบคลิปอธิบายว่า... เจ้าของคลิปได้ไปสัมภาษณ์งานที่ร้านดังกล่าว แต่กลับมีปากเสียงกับพนักงานของร้าน และมีการทำร้ายร่างกายโดยมีการกระชากหน้ากากอนามัย ดึงหู และบีบแขน ซึ่งตนเองทำงานมาหลายที่ แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.64 นางสาวภาวินี(สงวนนามสกุล) อายุ21ปี นักศึกษาสาว เดินทางเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สน.ลาดกระบัง เนื่องจากต้องการภาพจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน เพื่อยืนยันว่าตนเป็นฝ่ายถูกกระทำ และไม่ได้เริ่มก่อน เพราะหลังจากที่โพสต์เฟซบุ๊คไปแล้วมีหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าตนเป็นฝ่ายทีไปเหวี่ยง ใช้กิริยาไม่เหมาะสมกับพนักงานคนดังกล่าวก่อนหรือไม่ จึงอยากปกป้องตนเอง
ซึ่งส่วนตัวแล้วตัวเองมองว่าพนักงานคนดังกล่าวไม่มีวุฒิภาวะ และไม่ได้มีการสำนึกผิดหลังจากที่ก่อเหตุไปแล้ว เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมาขอโทษตนแต่อย่างใด
ส่วนที่ทางบริษัทออกมาแถลงขอโทษนั้นส่วนตัวแล้วมาว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับบริษัท และหากบริษัทจะให้ตนเข้าไปทำงานที่ร้านดังกล่าวตนก็คงไม่ไปแล้ว
ขณะที่พี่สาว ได้กล่าวว่าวันนี้ น้องสาวของตนเป็นเด็กขยัน เรียนดี ปิดเทอมก็มักจะไปสมัครงาน เพื่อหารายได้พิเศษ ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว และเก็บประสบการณ์ ทั้งนี้ยอมรับว่า ส่วนตัว รู้สึกไม่พอใจ กับพฤติกรรมของพนักงานคนดังกล่าว
เนื่องจากหลังจากที่ก่อเหตุแล้ว ก็ยังคงมีการหยิบกล้องมาถ่ายคลิปกลับ และยังท้าทายด้วยการถอดหน้ากากอนามัย เบะปาก และชี้หน้าใส่ด้วย ขนาดยังไม่ทำงานที่ร้าน ยังเจอเหตุการณ์แบบนี้หากเข้าไปทำงานจริง จะเจอขนาดไหน
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อไปยังร้านไวท์ชื่อดัง แต่ได้รับการปฏิเสธโดยอ้างว่าให้ติดต่อไปทางสำนักงานใหญ่ ขณะเดียวกันทางบริษัทร้านไวท์ดังกล่าวได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊คว่า ทางบริษัทได้รับทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งพนักงานคนดังกล่าวพึ่งจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่กับทางบริษัท
และทางบริษัทมองว่าการกระทำของพนักงานคนดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงให้พนักงานคนดังกล่าวพ้นสภาพการเป็นพนักงานของทางบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว