ประเทศไทยใกล้ขึ้นสู่ "ผลผลิตทุเรียน" อันดับ 1 ของโลก แทนที่ประเทศอินโดนีเซีย
รศ. ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับสถาบันทุเรียนไทยจัดทำบทวิเคราะห์ เรื่อง อนาคตทุเรียนไทย โอกาสหรือความเสี่ยง โดยประเมินสถานการณ์ตลาดทุเรียนในอาเซียนช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ( 2554-2563)
อินโดนีเซียครองแชมป์การผลิตทุเรียนมากที่สุดของโลก ตามด้วยไทย มาเลเชีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ แต่ทุเรียนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ส่งออกน้อยเพราะมีข้อจำกัดด้านคุณภาพและมาตรฐานการส่งออก
ทั้งนี้ในช่วง 5 ปีข้างหน้า(2564-2568) ไทยแซงหน้าอินโดนีเซีย ตามมาด้วย มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งปี 2568 ผลผลิตทุเรียนไทยมากเป็นอันดับ 1 (39.2%) อินโดนีเซียเป็นอันดับ 2 (30.6%) ของอาเซียน
สำหรับผลผลิตทุเรียนไทย 5 ปีข้างหน้าเพิ่ม 83% หรือ 2.02 ล้านตัน ในปี 2568 เป็นการบริโภคในประเทศเพิ่ม 101.7% หรือ 983,817 ตัน ในปี 2568 ส่งออกเพิ่มขึ้น 68.3% หรือ1.04 ล้านตันในปี 2568 เทียบจากปี 2563 โดยปี 2563 มีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 44% ส่งออก 56% และในปี 2568 จะมีสัดส่วนการบริโภคในประเทศ 48.5% ส่งออก 51.5%
ส่วนราคาทุเรียนหมอนทองที่เกษตรกรขายได้ที่สวน ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศในปี 2564 คาดว่าอยู่ที่กิโลกรัม(กก.)ละ 126 บาท ส่วนราคาปลายทางประเทศจีน หากจีนนำเข้าทุเรียนเพิ่มมากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ราคาขายส่งทุเรียนหมอนทองไทย ที่ตลาดเจียงหนานคาดว่าจะอยู่ที่ กิโลกรัมละ 379 บาท
สำหรับราคาทุเรียนไทย 5 ปีข้างหน้า (ปี 2564-2568) ราคาทุเรียนหมอนทองที่เกษตรกรขายได้ที่สวน (เฉลี่ยทั้งประเทศ) ในปี 2568 ประมาณ 144บาทต่อกก. โดยจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าทุเรียนรายใหญ่ของโลก ซึ่งนำเข้าเพิ่มขึ้น 95.1% จากปี 2563 เป็น 938,882 ตัน รองมาเป็นฮ่องกง นำเข้าเพิ่มขึ้น 61.4% เป็น 374,245 ตัน ขณะที่ประเทศผู้นำเข้ารายใหม่ที่น่าจับตามอง คือ เกาหลีใต้ และไต้หวัน แม้ว่าปริมาณนำเข้าจะยังไม่มากนัก แต่การนำเข้าขยายตัวเพิ่มขึ้นมากถึง 53.3% และ 35.7% ตามลำดับ
ที่มา สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์