ไขข้อสงสัย อาการโควิด แตกต่างจากไข้ธรรมดาอย่างไร

จากกรณีการระบาดของโควิด-19 รอบนี้ เป็นการติดจากสถานบันเทิง ผับ บาร์ ทำให้หลายคนมีข้อสงสัยว่า หากป่วยด้วยการติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการแตกต่างจากอาการป่วยไข้แบบอื่นอย่างไร
จากกรณีการระบาดของโควิด-19 รอบล่าสุดต้อนรับวันหยุดสงกรานต์ 2564 ซึ่งรอบนี้ เป็นการติดจากสถานบันเทิง ผับ บาร์ จนทำให้ต้องออกมาคุมเข้มในเรื่องของมาตรการการคัดกรองโควิดอีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้ทำให้ใครหลายคนมีข้อสงสัยว่า หากป่วยด้วยการติดเชื้อโควิดจะมีอาการแตกต่างจากอาการป่วยไข้แบบอื่นอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูความแตกต่างเพื่อแยกแยะได้ถูกว่าแบบไหนเรียกว่าเข้าข่ายโควิด-19 เพื่อที่จะได้รับมือได้เร็วและรีบไปตรวจหาเชื้อได้ทัน
1. อาการป่วย "โควิด-19"
ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จะมีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยจะแสดงอาการตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อย ไม่ว่าจะเป็น การคัดจมูก เจ็บคอ ไอ และมีไข้ ส่วนบางรายที่มีอาการรุนแรงมาก จะมีอาการปอดบวมหรือหายใจลำบากร่วมด้วย โดยอาการที่พบบ่อยที่สุด คือ มีไข้ (ไข้สูงติดต่อกัน 48 ชั่วโมง), ไอแห้งๆ, ไม่มีเรี่ยวแรง หอบเหนื่อย, ไอมีเสมหะ, หายใจลำบาก, เจ็บคอ, ปวดหัว, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รับรส
- ผู้ป่วยโควิด-19 (หมายถึงมีผลตรวจเป็นบวกแล้ว) พบมี anosmia (อาการสูญเสียการได้กลิ่น) ได้ถึง 2 ใน 3
- ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการอื่นๆ (ไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล) ไม่มาก จะพบว่ามี anosmia (อาการสูญเสียการได้กลิ่น) เป็นอาการหลักถึง 30%
2. อาการป่วย "โรคไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่"
ไข้หวัดธรรมดา (Common cold) และ ไข้หวัดใหญ่ (Flu) ต่างก็เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่แตกต่างกันที่ชนิดของไวรัส โดยไข้หวัดธรรมดานั้นเกิดได้จากไวรัส Rhinoviruses และ Coronaviruses ที่เป็นสาเหตุร้อยละ 10-15 ส่วนไข้หวัดใหญ่นั้นเกิดจากไวรัส Influenza A และ Influenza B
อาการไข้หวัดธรรมดา: ไข้ต่ำๆ คัดจมูก มีน้ำมูกใส จาม เจ็บคอ คอแดง ทอนซิลอาจบวมแดงแต่ไม่มีหนอง ไอเล็กน้อย ปวดหัวเล็กน้อย อาการทั่วไปมักไม่รุนแรง และหายได้เอง
อาการไข้หวัดใหญ่: เกิดอาการทางจมูกและคอได้บ้างในบางครั้ง แต่จะมีอาการเด่นชัด คือ มีไข้สูงลอย (37.8-39.0 องศาเซลเซียส) ไข้สูงแบบทันทีทันใด ปวดหัวหนัก ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลียมาก ไอรุนแรง ร่วมกับอาการเจ็บหน้าอก (ใกล้เคียงกับอาการของโรค "COVID-19" ต้องให้แพทย์วินิจฉัย)
3. อาการป่วย "โรคภูมิแพ้, แพ้อากาศ"
ในกรณีของการแพ้อากาศนั้น ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผู้ป่วยเอง ซึ่งทำงานตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่สามารถพบได้จากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เช่น ฝุ่น อากาศเย็น อากาศร้อน และละอองเกสร ซึ่งสิ่งกระตุ้นที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้นั้นก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละคน อาการส่วนใหญ่ คือ จาม น้ำมูกไหล คันยุบยิบๆ บริเวณตา จมูก แต่ไม่มีไข้ ไม่มีอาการไอ ไม่เหนื่อยหอบ
4. อาการป่วย "โรคไข้เลือดออก"
หลังจากได้รับเชื้อจากยุงประมาณ 5-8 วัน (ระยะฟักตัว) ผู้ป่วยมักจะมีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ไข้จะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส บางรายอาจมีอาการชักเกิดขึ้นโดยเฉพาะในเด็ก ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่มีอาการน้ำมูกไหลหรืออาการไอ แต่จะเบื่ออาหาร อาเจียน และไข้จะสูงลอยอยู่ 2-7 วัน นอกจากนี้ อาจพบมีผื่นแบบ erythema หรือ maculopapular ซึ่งมีลักษณะคล้ายผื่น rubella ได้ กล่าวคือ มีจุดเลือดออกเล็กๆ กระจายตามแขน ขา ลำตัว รักแร้ อาจมีเลือดกำเดาหรือเลือดออกตามไรฟัน ในรายที่รุนแรงอาจมีอาเจียนและถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ซึ่งมักจะเป็นสีดำ (melena)

นางเอกดัง "เบลล่า ราณี" สุดเศร้า สูญเสียคุณยายอันเป็นที่รัก

"เบิร์ด เทคนิค" สูญเสียครั้งใหญ่ สุดเศร้าโลกนี้ช่างใจร้ายกับผม

ข่าวดี รัฐบาลขยายเวลา "คุณสู้ เราช่วย" ถึงสิ้นเดือนนี้

โดนแล้ว "พีช สมิทธิพัฒน์" สารภาพ 3 ข้อหา เผยค่าปรับที่ต้องชดใช้
