โรงพยาบาลชื่อดัง แจงแล้ว ปมดราม่า แม่ไลฟ์สดอุ้มลูกติดโควิด ไม่มีโรงพยาบาล
โรงพยาบาลชื่อดัง เผยปมดราม่า สำหรับเคสแม่ไลฟ์สดอุ้มลูกติดโควิด โดยโรงพยาบาลยอมรับว่าได้เดินทางมาขอรับการรักษากับโรงพยาบาลเป็นแห่งแรกจริง เนื่องจากลูกวัย 11 เดือนมีอาการป่วย ไข้สูง 38.9 องศา ซึ่งพยาบาลเห็นความสำคัญว่ามีเด็กมาด้วย
จากกรณีปมดราม่าโดย ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "Siripen Kingkapan" ไลฟ์สดบนรถเมื่อช่วงเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ขณะที่กำลังอุ้มลูกน้อยวัย 10 เดือนที่มีไข้ขึ้นสูงถึง 39 องศาเซลเซลเซียล โดยบอกว่าติดเชื้อโควิด-19 ร่ำไห้ครวญครางขับรถวนหาโรงพยาบาลเพื่อรักษาลูกป่วยฉุกเฉินหลายโรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ไม่มีโรงพยาบาลไหนเปิดรับ แม้แต่ห้องฉุกเฉินยังปิด บางช่วงพบเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งเห็นใจพยายามช่วยโทรศัพท์ถามแต่ก็ยืนยันว่าไม่รับรักษาโดยให้เหตุผลว่าโรงพยาบาลเต็ม จนมีผู้เข้ามาคอมเมนท์ให้กำลังใจและแชร์กันออกไป เพื่อหาทางช่วยเหลือกันจำนวนมาก
สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนั้น ทางด้านของ ข่าวช่องวัน ได้มีการไป ยังโรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์ แต่เนื่องจากเป็นวันหยุด ผู้อำนวยการและผู้บริหารจึงไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงาน มีเพียงผู้ตรวจการของโรงพยาบาลให้ข้อมูล โดยยอมรับว่า เคสดังกล่าวได้เดินทางมาขอรับการรักษากับโรงพยาบาลเป็นแห่งแรกจริง เนื่องจากลูกวัย 11 เดือนมีอาการป่วย ไข้สูง 38.9 องศา ซึ่งพยาบาลเห็นความสำคัญว่ามีเด็กมาด้วย จึงพาตัวมาอยู่ที่ห้องเนกาทีฟเพรสเชอร์ หรือห้องความดันลบ ซึ่งมีอยู่เพียง 1 ห้องเท่านั้น และได้รีบเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้ แต่ไม่ได้ให้ยา เพราะเพิ่งไปรับการรักษาที่คลินิกอื่นมา กลัวว่าจะให้ยาซ้ำ จะทำให้ยาเกินขนาด
จากนั้นได้ซักประวัติผู้ป่วย ทราบข้อมูลว่า ได้ไปพื้นที่เสี่ยงที่มีผู้ป่วยโควิด-19 จึงพาไปตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 แบบแอนติเจน ทราบผลแม่และลูกเป็นบวก ส่วนพ่อ ผลเป็นลบ จึงรายงานให้แพทย์ทราบ ซึ่งแพทย์ได้ชี้แจงกับครอบครัวดังกล่าวว่า การตรวจแบบแอนติเจน ให้ผลแม่นยำราว 96-98% จำเป็นต้องยืนยันผลด้วยการตรวจแบบ PCR อีกครั้ง จึงขอให้ทั้ง 3 ตรวจ PCR รวมถึงได้ให้ยาลดไข้ พร้อมตรวจเลือดและเอ็กซเรย์ปอดของแม่
โดยระหว่างรอผลตรวจ PCR ได้บอกให้ผู้ป่วยใจเย็น และกลับไปพักรอที่บ้านก่อน เนื่องจากอาการไข้ของลูกเริ่มลดลงแล้ว และผลตรวจเลือดและปอดของแม่เป็นปกติ พร้อมได้กำชับคนไข้ ในระหว่าง 48 ชั่วโมงห้ามออกไปไหนเด็ดขาด
จากนั้นช่วงค่ำ คนไข้ทั้ง 3 ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เนื่องจากลูกมีไข้ขึ้นสูง พยาบาลก็ได้พาตัวเข้าไปรอผลตรวจในห้องเนกาทีฟเพรสเชอร์ และพยาบาลได้ช่วยดูแลตามมาตรฐานวิชาชีพ พร้อมแจ้งไม่รับคนไข้รายอื่น เนื่องจากมีคนไข้ใช้ห้องแล้ว แต่พ่อไม่พึงพอใจห้องเนกาทีฟเพรสเชอร์ ที่มีขนาดเล็ก ไม่สะดวกสบาย เพราะไม่มีห้องน้ำในตัว มีเพียงห้องน้ำลอยหรือห้องน้ำเคลื่อนที่ จึงลงชื่อในเอกสาร ปฏิเสธการนอนดูอาการในห้องเนกาทีฟเพรสเชอร์ตามแพทย์สั่ง และบอกจะไปหาเตียงเอง
โดยนอกจากนี้ โรงพยาบาลสินแพทย์ยอมรับว่า ขณะนี้เตียงเต็มจริง ที่ผ่านมาหากพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่มีอาการ จะให้ผู้ป่วยกลับไปกักตัวเองอยู่ที่บ้าน รักษาตามอาการ โดยทางโรงพยาบาลมีบริการโทรศัพท์ปรึกษาแพทย์และส่งยาให้ถึงบ้าน แต่หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ก็จะติดต่อโรงพยาบาลในเครือ ซึ่งได้แก่ รพ.วิภารามชัยปราการ และ รพ.วิภาราม พัฒนาการ ในการรับผู้ป่วยไปดูแลต่อไป