ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เข้ม ใครไม่สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้าน โดนโทษปรับ
นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรัง ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดตรัง ออกประกาศว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
วันนี้ (18/4/2564) นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ในฐานะจังหวัดประธานกรรมการโรคติดต่อตรัง ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดตรัง ออกประกาศว่าด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในประเทศ พบผู้ติดเชื้อและผู้ปวยเพิ่มขึ้นทวีตูณ และกระจายไปทั่วทุกจังหวัดอย่างวดเร็ว ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงสัมพันธ์กับสถานบันเทิง กิจกรรมรวมกลุ่ม งานเลี้ยงสังสรรค์ และแพร่กระจายไปในผู้สัมผัสในครอบครัว กลุ่มเพื่อนและที่ทำงาน
ประกอบกับช่วงเทศกาลสงกรานด์มีผู้เดินทางเพิ่มสูงขึ้น เป็นเหตุให้การแพร่ระบาดมีมากขึ้น รวมทั้งพบผู้ติดเชื้อยืนยันในพื้นที่จังหวัดตรัง จึงจำเป็นต้องมีการดำเนินการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไววัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 (7) มาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2563 ข้อ 7 (1) ประกอบประกาศนายกรัฐมนตรี เรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 11) ลงวันที่ 30 มีนาคม 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตรัง ตามมติที่ประชุม ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2564 จึงให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดตรัง สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าให้ถูกวิธีทุกครั้ง เมื่อออกนอกเคหสถาน หรือบริเวณสถานที่พำนักของตน
ผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ ถือเป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง สั่ง ณ วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2564