ย้อนฟังคำทำนายโควิด "ลี เอเดลคอร์ท" นักพยากรณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก
"ลี เอเดลคอร์ท" นักพยากรณ์เทรนด์ชาวเนเธอร์แลน นักพยากรณ์เทรนด์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งใน 25 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในด้านแฟชั่น
"ลี เอเดลคอร์ท" นักพยากรณ์เทรนด์ชาวเนเธอร์แลนด์ เธอได้ชื่อว่าเป็นนักพยากรณ์เทรนด์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยมีผลงานในการให้คำปรึกษาบริษัทแฟชั่นและแบรนด์ต่างๆ ทั่วโลก โดยได้รับเลือกจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งใน 25 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในด้านแฟชั่น โดยเธอได้ให้สัมภาษณ์กับ Dezeen ในเวลาเดียวกันกับที่นายกรัฐมนตรีอิตาลีลงนามในข้อบังคับปิดเมืองทางตอนเหนือของอิตาลี รวมถึงมิลานและเวนิซ ซึ่งเป็นพื้นที่แฟชั่นและอุตสาหกรรมการออกแบบ และนี่คือบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) และโลกที่จะเปลี่ยนไป จากการระบาดครั้งนี้
คุณคิดว่าผลกระทบจากไวรัสโคโรนาจะเป็นอย่างไร
ผลกระทบของไวรัสโคโรนาจะซับซ้อนมากขึ้น จากความไม่เชื่อและความเชื่อมั่นอีกครั้งของสังคม ไปสู่มุมมองที่ก้าวหน้าที่มีต่อผลกระทบต่อชีวิตของเรา ความหวาดหวั่นต่อสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ความตระหนักรู้ถึงทางออกสุดท้าย คือการแยกตัวเองออกจากสังคม และอยู่อย่างสันโดษ
มันเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจคณิตศาสตร์ที่ตัวเลขกระโดดขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นเราจึงเกิดความไม่เชื่อ ตอนนี้มีแค่จีน เกาหลี และอิตาลี เท่านั้นที่ออกมาตรการที่ประเทศอื่นๆ จะทำตามได้
เราควรขอบคุณไวรัส เพราะมันเป็นเหตุผลที่เรามีชีวิตรอดในฐานะสปีชีส์หนึ่ง หมายความว่าอย่างไร
ในฐานะที่เป็นเป้าของไวรัส เนื่องจากฉันอายุมากแล้ว และมีประวัติเป็นโรคทางเดินหายใจ ฉันตระหนักดีถึงอันตรายและภัยคุกคามของไวรัสนี้ที่มีต่อผู้คนทั่วโลก และรู้สึกเสียใจกับครอบครัวของบุคคลที่เสียชีวิตจากโรคใหม่นี้ หวังว่าการตายของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า เพราะโลกจะต้องพยายามดิ้นรนเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของมนุษย์และผู้อยู่รอด
ผลกระทบของการระบาดจะบีบให้เราต้องช้าลง ปฏิเสธที่จะขึ้นเครื่องบิน ทำงานอยู่ที่บ้าน ใช้เวลาสนุกสนานเฉพาะกับครอบครัวและเพื่อนสนิทเท่านั้น เรียนรู้ที่จะพึ่งตัวเองและใส่ใจ แล้วแฟชั่นโชว์ก็จะดูแปลกประหลาด ไม่เข้าที่เข้าทาง โฆษณาท่องเที่ยวที่เข้ามาในคอมพิวเตอร์ของคุณจะดูเหมือนบุกรุกพื้นที่ของคุณ แถมยังเป็นเรื่องตลก ความคิดถึงโปรเจ็กต์ในอนาคตจะเป็นเรื่องแปลกและสรุปไม่ได้ แล้วจะเป็นอะไรไหม ทุกวันนี้เรายังตั้งคำถามกับแต่ละระบบที่เรารู้จักมาตั้งแต่เกิด และพิจารณาถึงจุดจบที่เป็นไปได้ของมันอยู่เลย
หลายปีแล้วที่เราเข้าใจว่า เพื่อที่จะอยู่รอดในฐานะสปีชีส์หนึ่ง และเพื่อทำให้โลกหมุนไป เราจำเป็นต้องสร้างการเปลี่ยนแปลงที่โหดร้ายทารุณให้กับวิถีชีวิตของเรา เราเที่ยว เราบริโภค และเราสนุกสนาน ไม่มีทางใดที่เราจะสามารถผลิตสินค้าและสร้างทางเลือกที่มากพอต่อชีวิตที่เราเริ่มจะคุ้นเคยกับมัน ข้อมูลอันเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ที่ไร้สาระทำให้วัฒนธรรมของเราตายด้าน แต่เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ก็เริ่มคิดถึงเรื่องนี้ และมองว่าการครอบครองและสะสมเสื้อผ้าและรถยนต์ไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ใจของคนเราก็ยังต่อต้านและต้องการทดสอบว่าสิ่งต่างๆ นั้นจะค่อยๆ ลดลงไปเองตามเวลา ขณะที่เราทำกิจวัตรของเราไปตามปกติ ดังนั้น เมื่อทุกอย่างหยุดกะทันหันเนื่องจากไวรัส ก็ทำให้อำนาจในการตัดสินใจถูกกระชากออกไปจากมือเรา และทำให้ทุกอย่างช้าลง จนกระทั่งไปสู่ระดับที่น่ากลัวในตอนเริ่มต้น ทักษะในการด้นสดและความคิดสร้างสรรค์จะกลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับโลกและเศรษฐกิจของเราตอนนี้ หลายบริษัท กว่า 90% ของสินค้าผลิตในจีน จากสารที่กลั่นจากน้ำมัน เช่น พลาสติกและโพลีเอสเตอร์ อีกหน่อยเราจะเห็นชั้นวางรองเท้า โทรศัพท์ เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งยาสีฟันว่างเปล่า เราจะขาดแคลนยารักษาโรค และเห็นการหยุดนิ่งในการผลิตของที่ระลึกน่าเกลียดๆ และถุงใส่ของที่ไร้ประโยชน์
การส่งออกผ้าส่าหรีใยสังเคราะห์ที่ไร้จุดสิ้นสุดของจีนไปยังอินเดีย และอุปกรณ์แต่งบ้านพลาสติกที่ส่งไปแอฟริกา ซึ่งขัดขวางเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างรุนแรง และสร้างภาวะการว่างงาน และมลพิษมาเป็นเวลานานหลายปี จะสิ้นสุดลง และอาจจะนำโอกาสใหม่ๆ มาสู่คนท้องถิ่น
เราจะอยู่ในจุดที่มีพื้นที่ว่างให้กับการเริ่มต้นใหม่ เนื่องจากบริษัทและเงินจำนวนมากจะถูกกวาดล้างออกไปจากกระบวนการที่ช้าลง การเปลี่ยนทิศทางและการเริ่มต้นจะเรียกร้องความเข้าใจที่ลึกซึ้งและความกล้าในการสร้างเศรษฐกิจใหม่ พร้อมด้วยค่านิยมอื่นๆ รวมทั้งวิธีการส่งต่อผลิตภัณฑ์ การขนส่ง การกระจายสินค้า และการค้าปลีก
ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วกับภาคธุรกิจออกแบบและแฟชั่นในขณะนี้
ผลกระทบที่แท้จริงจากการปิดอิตาลีและญี่ปุ่น รวมทั้งเกาหลีและจีน จะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในระดับโลกครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่ไม่ใช่วิกฤตทางการเงิน แต่เป็นวิกฤตจากการชะงักงัน คนหยุดเดินทางไปมา หยุดออกนอกบ้าน หยุดใช้เงิน หยุดเที่ยววันหยุด หยุดทำกิจกรรมทางวัฒนธรรม แม้กระทั่งไปโบสถ์
การเลื่อนจัดงานทั้ง Salone del Mobile, Venice Architecture Biennale พิธีฮัจญ์ โอลิมปิกเกมส์ก็อาจจะเลื่อน และอื่นๆ ที่จะตามมา ก่อให้เกิดภัยพิบัติทางเศรษฐกิจ เงินจะหยุดหมุนเวียน ทุกภาคส่วนจะระส่ำระสาย โดยเฉพาะแบรนด์หรูต่างๆ สายการบิน ธุรกิจโรงแรม อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารนำเข้า
โชคร้ายที่ภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ได้มีทางรักษาให้หายขาดทันที เราจำเป็นต้องเราต้องเก็บกวาดสิ่งที่เหลืออยู่และสร้างทุกสิ่งขึ้นมาใหม่จากร่องรอยที่เหลืออยู่ หลังจากที่สามารถควบคุมการระบาดได้แล้ว สิ่งที่ฉันวาดหวังไว้ก็คือ ระบบใหม่ที่ดีกว่า ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกับการเคารพในแรงงานและเงื่อนไขของมนุษย์มากกว่าเดิม ในที่สุด เราก็จะถูกบีบให้ทำสิ่งที่เราควรจะทำตั้งแต่แรก
อะไรจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ตอนนี้เราเห็นการปิดตัวลงของสังคมทีละประเทศ ซีกโลกใต้ที่อากาศอุ่นกว่าดูเหมือนจะมีสถานการณ์ดีขึ้น แต่เรายังไม่รู้แน่ชัด เราจะใช้ชีวิตโดยมี news feeds ลดลง ซื้อของใหม่ๆ น้อยลง ได้จดหมายข่าวหรือ pop-ups โฆษณาน้อยลง เราจะต้องกำจัดนิสัยของเราทิ้งไป ราวกับว่าเรากำลังเลิกยาเสพติด คือเลิกช้อปปิ้งไปเลย
ดูเหมือนเราจะเข้าสู่การกักกันทางการบริโภค ที่ซึ่งเราจะเรียนรู้วิธีการที่จะมีความสุขกับเสื้อผ้าธรรมดา กลับไปค้นพบเสื้อผ้าเก่าตัวโปรดที่เรามีอยู่ อ่านหนังสือที่เราลืมไปแล้ว และทำสิ่งต่างๆ ให้ชีวิตมีความสุข ผลกระทบจากไวรัสจะเป็นไปในแง่ของวัฒนธรรม และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโลกใหม่ที่แตกต่าง
ผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมจะมีอะไรบ้าง
ภาพท้องฟ้าเหนือประเทศจีนล่าสุดทำให้เราเห็นว่า ในช่วงสองเดือนที่ไม่มีการผลิตจากโรงงาน ทำให้ท้องฟ้าใสแค่ไหน และยังทำให้ประชาชนหายใจได้สะดวกอีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไวรัสทำให้เห็นว่า กระบวนการที่ช้าลงและการปิดทำการของโรงงานจะทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น ยิ่งถ้าไม่มีการเดินทางทางอากาศหรือเรือ ไม่มีการท่องเที่ยววันหยุด การเดินทางเพื่อธุรกิจและการขนส่ง การทำความสะอาดเช่นนี้ก็น่าสนใจ
ดังนั้น หากเราฉลาดพอ เราจะเริ่มต้นใหม่พร้อมกับกฎกติกาใหม่ ทำให้ประเทศต่างๆ กลับไปหาภูมิปัญญาและคุณสมบัติเฉพาะของตัวเอง เปิดตัวอุตสาหกรรมในครัวเรือนที่จะเจริญรุ่งเรือง และก้าวสู่ศตวรรษและศิลปหัตถกรรม ที่แรงงานมือถูกยกย่องเหนือทุกสิ่ง
การปิดตัวของโรงงานอุตสาหกรรมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดนี้ เช่นเดียวกับสตูดิโองานสร้างสรรค์ที่จะผลิตไอเดียให้กับแบรนด์ต่างๆ ในขณะนั้น ทำให้เกิดเศรษฐกิจที่เติบโตพอดีๆ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่มากนัก
อุตสาหกรรมท้องถิ่นและกิจกรรมต่างๆ จะมีแรงผลักดัน และโครงการที่มีประชาชนเป็นพื้นฐานจะเติบโต พร้อมด้วยระบบแลกเปลี่ยนและตลาดเกษตรกร สตรีทอีเวนต์ การประกวดเต้นและร้องเพลง รวมทั้งงาน DIY ต่างๆ การคาดการณ์ของฉันเกี่ยวกับยุคของมือสมัครเล่นน่าจะมาถึงเร็วกว่าที่ฉันคาดคิดไว้
ขอบคุณ SANOOK