ตำรวจพักตั้งด่านเป่าแอลกอฮอล์ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด
สั่งให้ชะลอการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์และจุดกวดขันวินัยการจราจร โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด หลังจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลติดเชื้อโควิด 140 คน กักตัว 489 คน หายแล้ว 7 คน
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีสถานการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลติดเชื้อโควิด 19 ว่า เบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลติดเชื้อโควิด 140 คน กักตัว 489 คน หายแล้ว 7 คน อย่างไรก็ตาม ทางบช.น. ได้มีการทำประกันโควิด 19 ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดค่อนข้างครอบคลุม
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นกลุ่มเสี่ยงนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการทยอยฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ ทางบช.น.ได้มีการกำชับมาตรการตำรวจระมัดระวังตัวทุกครั้ง ส่วนกรณีการติดเชื้ออาจเกิดจากดารติดจากการจับกุมผู้ต้องหา ติดจากที่บ้าน หรือไปสถานที่เสี่ยง ขอให้ประชาชนมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการป้องกันการแพร่ระบาดแล้ว
สำหรับการให้บริการประชาชน ได้สั่งกำชับเรื่องการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา , ให้หลีกเลี่ยงการเข้าพื้นที่ที่มีความเสี่ยง , ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ และฉีดพ่นทำความสะอาดอุปกรณ์ต่างๆ เป็นระยะ เพื่อลดความเสี่ยง
ด้านสวัสดิการบรรเทาความเดือดร้อน เช่น การกู้ยืมเงินสหกรณ์ ก็มีการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยให้ตามความเหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่พบว่ามีอาการป่วยติดเชื้อ
ขณะเดียวกันเรื่อง ด่านเป่าเมา ที่ก่อนหน้านี้เมื่อต้นเดือนเมษายน ได้กลับมาตั้งในรูปเเบบใหม่อีกครั้ง ล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติราชการแทน ผบ.ตร. มีวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 17 เมษายน ถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร. ให้ชะลอการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์และจุดกวดขันวินัยการจราจร โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุด สำหรับจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม จุดสกัดกั้นยาเสพติด และจุดสกัดกั้นตามแนวชายแดน ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ
สำหรับจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม จุดสกัดกั้นยาเสพติด และจุดสกัดกั้นตามแนวชายแดน ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตามมาตรการ ศบค. กำหนด และต้องไม่เป็นการก่อความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควรแก่เหตุ