ค้นคำตอบ โควิดเป็นแล้วหายเองได้มั้ย ในสถานการณ์แบบนี้ดูแลตัวเองอย่างไร

จากที่ประชาชนคนไทยต้องจิตตกที่จะได้รับฟังข่าวสารถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อทะลุกว่าพันรายในทุกๆ วันแถมระยะหลังๆ เริ่มมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากโรคโควิด 19 อีก จึงอาจจะทำให้ใครหลายๆ คนเกิดความกังวลไม่น้อย

อ่านข่าว - โควิดยอดไม่ลด ป่วยเพิ่มกว่า 1,400 คน เสียชีวิตอีก 7 ราย หมอทวีศิลป์แถลงละเอียดไทม์ไลน์ บางคนดับสลดพร้อมวันประกาศผลว่าติดเชื้อ

 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางทีมข่าวไทยนิวส์ได้สรุปให้เข้าใจกันแบบง่ายๆ กับเชื้อโควิด 19 ที่กำลังระบาดในระลอกที่สามนี้ เนื่องจากหลายคนอาจะกังวลและงสัยไม่น้อยว่า เราติดหรือยัง? ติดแล้วหายได้เองมั้ย? หรืออาการขนาดไหนถึงต้องไปโรงพยาบาลเพื่อให้คุณหมอช่วย? วันนี้เราจะสรุปให้ฟังแบบเข้าใจง่ายๆ กัน

โควิดหายได้ภายในกี่วัน
อันที่จริงแล้วผู้ป่วยโรคโควิด 19 จะแบ่งได้เป็นอาการเบาและอาการหนัก ซึ่งแน่นอนว่า ผู้ป่วยที่อาการหนัก จะได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามผลในระยะ 2 เดือนว่าเชื้อได้ถูกำจัดหมดแล้ว

ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อย หรือไม่แสดงอาการป่วยเลยนั้น หากอยู่ในโรงพยาบาลก็จะได้รับการรักษาตามอาการ เช่นปวดหัวก็ให้ยาแก้ปวด นอนพัก ดื่มน้ำเยอะ ๆ กินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อเสริมภูมิคุ้มกัน พร้อมทั้งสังเกตอาการในระยะเวลา 14 วัน หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อก็สามารถกลับบ้านหรือออกไปใช้ชีวิตตามปกติได้

 

ป่วยโควิดแบบไหนถึงจะต้องอยู่ในโรงพยาบาล

แต่ด้วยความที่ช่วงนี้มักมีข่าวเรื่องที่ว่ามีเตียงไม่เพียงพอ จึงทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อยังไม่ถึงมือคุณหมอ อันนี้ไม่ต้องตกใจไป เพราะถ้าหากเราไม่มีอาการหนักถึงขั้นหายใจเหนื่อยหอบ เราสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ด้วยตัวของเราเอง เพียงแค่แยกตัวออกจากครอบครัวที่ไม่ติดเชื้อ และแยกของใช้ต่างๆ ซึ่งผู้ที่จำเป็นต้องไปให้ถึงมือหมอเร็วที่สุดคือ ผู้ป่วยบางราย ตรวจพบเชื้อโควิดโดยไม่แสดงอาการแต่เชื้อลามไปที่ปอด และ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อมักจะแพร่เชื้อออกมาทางระบบการหายใจ

ส่วนวิธีดูแลตัวเองเมื่อติดโควิด ทำได้ง่ายๆ ดังนี้
1. งดออกจากบ้านหากไม่จำเป็น
2.สวมแมสก์ตลอดเวลา และไม่พูดคุยหรือใกล้ชิดกับผู้อื่น
3. ล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล 
4.เช็ดทำความสะอาดพื้นที่หรือสิ่งของที่ต้องใช้งานร่วมกับผู้อื่นเป็นประจำ
5. แยกข้าวของเครื่องใช้ ไม่ใช้ปะปนกับผู้อื่น พร้อมทั้งหมั่นทำความสะอาดเครื่องใช้ส่วนตัวด้วยแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดเชื้ออยู่เสมอ
6. แยกห้องน้ำ และหมั่นทำความสะอาดสุขภัณฑ์เพื่อกำจัดเชื้อ
7. อยู่ในห้องที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อุดอู้
8. คัดแยกขยะของตัวเอง เก็บทิ้งไม่ให้ปะปนกับของผู้อื่น และมัดปากถุงให้แน่นสนิททุกครั้ง
9. ดูแลร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารปรุงสุกที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำมาก ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหากิจกรรมทำเพื่อลดความเครียด
10. สังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ โดยวัดไข้ทุกวัน หากมีไข้ ให้ทานยาพาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการ หรือหากมีอาการทรุดหนัก เช่น ไข้สูง หายใจหอบเหนื่อย ควรรีบติดต่อแพทย์หรือสถานพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาโดยทันที

แต่สำหรับใครก็ตามที่เข้ารับการรักษาตัวในสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลสนามแล้วก็จะมีวิธีการปฏิบัติดังนี้

1. ใช้อุปกรณ์ส่วนตัวที่เตรียมมาเอง โดยเฉพาะ ช้อนส้อม แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ ยาสระผม ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้า ไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น
2. หมั่นวัดอุณหภูมิ และความดันอยู่เสมอ หากมีอาการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น ไข้สูง ไอมากขึ้น ความดันสูงกว่าปกติ เหนื่อยง่าย ให้รีบแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ทันที
3.รักษาความสะอาดส่วนตัวและบริเวณที่พักอย่างเคร่งครัด
4. งดรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น หรือพูดคุยในระยะใกล้ชิด
5. ดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อพักฟื้นร่างกาย
6. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

สำหรับผู้ที่ยังไม่ป่วย 
1. งดสัมผัสพื้นที่เสี่ยง
2. งดออกจากบ้านหากไม่จำเป็น
3. ของใช้ส่วนตัวต้องดูแลให้สะอาดและห้ามปะปนกับผู้อื่น
4. รับประทานอาหารปรุงสุก 
5. ล้างมือและทำความสะอาดของที่ใช้ใกล้มือบ่อยๆ 
6. หากไปพื้นที่เสี่ยงไม่ต้องจิตตก ทำใจให้สบายและหมั่นสังเกตอาการ

 

สำหรับข้อที่หลายๆ คนกังวลว่า โควิด หายแล้วสามารถเป็นซ้ำได้หรือไม่ ซึ่งทาง ศ. นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลในส่วนนี้ว่า โรคโควิด 19 เป็นโรคที่เมื่อรักษาหายแล้ว สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก เพราะภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยที่หายป่วยจากโรคโควิด 19 แล้วนั้นจะลดลงหลังติดเชื้อ และโรคโควิด 19 เป็นโรคที่มีระยะฟักตัวสั้น ทำให้ร่างกายยังไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันใหม่ขึ้นมาต้านทานได้ทัน แต่หากติดเชื้อซ้ำ อาการที่เป็นก็จะลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่หายจากอาการโควิดแล้วนั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หายคนเข้าใจ เพราะอย่างน้อยเขาก้จะมีภูมิคุ้มกันภายในตัวเองแล้ว ซึ่งเขาสามารถออกไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้ เพียงแค่ต้องดูแลตัวเองให้ดี เพื่อที่จะได้ไม่กลับมาป่วยโรคนี้อีกครั้ง