บุคลากรณ์แพทย์ออกจดหมายด่วน วอนให้ล็อกดาวน์ หลังรัฐบาลรับมือโควิดล้มเหลว
คณะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ออกจดหมายเปิดผนึก ถึงรัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ในการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ (25/4/2564) คณะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ออกจดหมายเปิดผนึก ถึงรัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ในการรับมือการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ หลังสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
โดยระบุว่า แถลงการณ์ข้อเสนอของกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ( 25 เมษายน 2564) ฉบับที่ 1 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ณ เวลานี้ กำลังดำเนินไปด้วยความรุนแรงและอันอาจจะนำมาซึ่งความล้มเหลวต่อการระบบสาธารณสุขโดยรวม ซึ่งมีผลต่อชีวิตและสุขอนามัยของประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า แต่หลังจากการชี้แจงของผู้นำประเทศและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขหลายครั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ขาดซึ่งวุฒิภาวะที่นำมาซึ่งความไม่ไว้วางใจต่อการดูแลชีวิตของบุคลากรทางสาธารณสุขและประชาชนได้
จากการรวบรวมความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงานจริงหลายฝ่าย ทางกลุ่มฯ จึงขอเสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรียกเลิกข้อตกลงที่ว่า "โรงพยาบาลแห่งใดตรวจพบว่าคนไข้มีการติดเชื้อ ให้โรงพยาบาลนั้นต้องรับผิดชอบดูแล จนกระทั่งคนไข้นั้นมีเตียงนอนในโรงพยาบาล" ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าระบบที่มีอยู่ไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นจริง และมีผู้ป่วยคงค้างรอเตียงจากโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก คนไข้ที่ติดเชื้อแล้วไม่ได้เป็นภาระของโรงพยาบาลไดโรงพยาบาลหนึ่ง เครือข่ายสุขภาพในพื้นที่ที่มีผู้ประสานงานที่ชัดเจนต้องเข้ามาบทบาทในการจัดการ รับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลที่เหมาะสม หรือโยกย้ายผู้ป่วยในพื้นที่รับผิดชอบ ต้องเป็นการร่วมมือทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชนในเขตสุขภาพนั้น และการคัดกรองผู้ป่วยเป็น 3 ระดับแยกตามสมรรถนะของโรงพยาบาลเป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งสามารถยึดตัวอย่างการให้บริการผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดฉุกเฉินได้
ความล้มเหลวของระบบการหาเตียงผ่านคู่สาย 1668 ทำให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่าการบริหารงานในช่วงเวลาวิกฤตที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการอยู่นั้น "ล้มเหลวและต้องแลกมาด้วยชีวิตของประชาชนที่ไม่สามารถข้าถึงระบบการรักษาได้อย่างเท่าเทียม" ดังนั้น 1668 จึงควรทำหน้าที่ประสานงานระหว่างเขตสุขภาพเท่านั้น ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งจัดหายา remdesivir สำหรับการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงซึ่งถือเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาล เนื่องจากแนวโน้มการระบาดที่รุนแรงในประเทศอินเดียและประเทศไทยอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน
2. ให้รัฐบาลประกาศให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีอาการและสามารถดูแลตัวเอง สามารถเลือกที่จะแยกกักตนเองที่บ้านได้ มีการติดตามอาการ และเตรียมระบบให้พร้อมที่จะเข้าสู่โรงพยาบาลได้ตลอดเวลา การเพิ่มจำนวนเตียงโรงพยาบาลสนามเป็นไปเพียงเพื่อ "การประชาสัมพันธ์' มิได้สะท้อนถึงการเข้าปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น และไม่สอดคล้องกับจำนวนบุดลากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
3. พิจารณาเรื่อง lock down อย่างเรงด่วน บุคลากรทางการแพทย์ คงมิสามารถพิจารณาถึงผลต่อเศรษฐกิจสังคม ได้ในภาพรวม แต่ในทางสาธารณะสุข และความปลอดภัยของประชากร "การแสร้งว่า Lock down" การที่ยังยอมให้เปิดสถานที่มีระบบระบายอากาศแบบปิดและอาจมีผู้คนอยู่ร่วมกันจำนวนมากเป็นเวลานาน เช่น ห้างสรรพสินค้าเป็นการกระทำที่ย้อนแย้งเป็นอย่างยิ่ง
4. ขอให้ทางผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแถลงแผนการฉีดวัคชีนแต่ละยี่ห้อที่กำลังจะได้รับอย่างละเอียด รวมทั้งแผนการจัดการเชิงระบบอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสร้างความมั่นใจต่อภาดประชาชน และเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกหรือสื่อมวลชนซักถามเพิ่มเติม ซึ่งจะสะท้อนถึงศักยภาพของรัฐบาลที่มีการเดรียมแผนสำรองต่างๆ ไว้ล่วงหน้า
5. การตัดสินบนพื้นฐานข้อมูลที่มีอยู่สามารถเกิดความผิดพลาดได้ หากแต่ต้องยอมรับและพร้อมจะขอโทษต่อประชาชนในข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการที่ผ่านมา รวมถึงการสื่อสารที่ทำร้ายจิตใจของบุคลากรทางการแพทย์
เรียนรู้จากการบริหารที่ผิดพลาดในอดีต จากกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา พิสูจน์แล้วว่าบริหารจัดการได้ผิดพลาด ควรพิจารณาเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ
ปรับปรุงการสื่อสารทั้งส่วนบุดคลหรือการสื่อสารขององค์กรอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต่อการสังเกตอาการของโรคในระยะต่าง ๆ ความวิตกกังวลของบุคคลจะหมดไปหากได้รับข้อมูลที่ชัดเจน
ในฐานะของตัวแทนบุคลากรทางสาธารณสุขที่ปฏิบัติงานทั้งภาครัฐและเอกชน ขอประกาศว่าพวกข้าพเจ้า "กำลังทำหน้าที่ของตนเองอยู่และจะทำต่อไปอย่างเต็มที่" เพื่อให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างดีที่สุด แต่เราจำเป็นต้องพึ่งพาระบบการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน ลงท้าย คณะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์