จันทบุรีผวาคลัสเตอร์ใหม่ พบพ่อค้าพลอยแอฟริกาติดโควิด พุ่ง 52 ราย
สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พบพ่อค้าพลอยแอฟริกาติดโควิด ตรวจ 2 วัน เจอผู้ติดเชื้อพุ่ง 52 ราย สั่งกักตัวกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อแล้ว
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 64 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดจันทบุรี รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าในระหว่างวันที่ 6-7 พ.ค.64 จ.จันทบุรี ได้ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งสิ้น 52 ราย โดยเป็นกลุ่มชาวแอฟริกาทั้งหมด โดยเมื่อวันที่ 6 พ.ค.64 พบผู้ติดเชื้อ จำนวน 25 ราย และวัน 7 พ.ค. 64 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 27 ราย รวม 52 ราย ซึ่งล้วนเป็นกลุ่มชาวแอฟริกา ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการค้าอัญมณี ส่งผลทำให้ ขณะนี้ จ.จันทบุรี มียอดสะสมผู้ติดเชื้อรวม 368 ราย รักษาหาย 114 ราย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ค. 64 คณะกรรมการโรคติดต่อ จ.จันทบุรี และคณะทำงานควบคุมโรคติดต่ออำเภอเมืองจันทบุรี ได้ดำเนินการนำผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ตลอดจนนำกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเข้ากักกันตัวในสถานกักกันตัวเฉพาะเรียบร้อยแล้ว และระหว่างนี้ จ.จันทบุรี ได้ดำเนินการคัดกรองเชิงรุกในกลุ่มชาวแอฟริกาทั้งหมด ตลอดจนชาวจันทบุรีที่ติดต่อค้าขายกับชาวแอฟริกา
ขณะที่ นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ลงนามในคำสั่งที่ 1369/2564 ลงวันที่ 6 พ.ค. 64 เรื่องให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.จันทบุรี โดยห้ามใช้อาคาร หรือ สถานการเรียนการสอนพิเศษ, อบรมพิเศษเฉพาะด้าน ตลอดจนการทำกิจกรรมใด ๆ ที่มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากทำให้เสี่ยงต่อการแพร่โรคและห้ามจัดกิจกรรมในลักษณะที่เป็นงานสังสรรค์ งานเลี้ยง งานรื่นเริงเพื่อการบันเทิง ทั้งนี้เนื่องจากยังมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และพบพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มเติม จึงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้มาตรการควบคุมให้เหมาะสมกับสถานการณ์และครอบคลุมสำหรับสถานที่เหล่านั้น
ดังนั้นโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.จันทบุรี จึงมีมติให้ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มเติม/ประกอบด้วย กิจการร้านเกม ร้านอินเทอร์เน็ต/สถานที่เล่นสนุกเกอร์ บิลเลียด รวมถึงการเล่นในทำนองเดียวกัน/ศูนย์พระเครื่อง พระบูชา สนามพระเครื่อง พระบูชาตลาดพระ และตลาดพลอย ถนนศรีจันทร์ และบริเวณใกล้เคียง โดยผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 หรือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 64 ถึงวันที่ 23 พ.ค. 64