"เก๋"ภรรยาบัวขาว โพสต์อวดบ้านหลังใหม่โครงการหรู ซื้อเองคนเดียวสบายใจสุด
เก๋ อัญวีณ์ เคลื่อนไหวผ่านโลกออนไลน์อีกครั้ง หลังจากโดนปิดเฟซบุ๊คไป1วัน ด้วยการเผยข่าวดี โชว์ใบสัญญาซื้อขายเคียงข้างลูกสาว5ขวบ บ้านหลังใหม่ของเรา 3 คนแม่ลูก ปลายเดือนหน้าจะได้อยู่บ้านหลังใหม่เเล้ว
หลังจากเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา เก๋ อัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ ภรรยานอกสมรสของ บัวขาว บัญชาเมฆ ยอดมวยไทยคนดัง ได้เดินทางไป สน.โชคชัย พร้อมกับทนายอนันต์ชัย ไชยเดช เพื่อเข้าเเจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแอดมินเพจบัวขาว และตัวของบัวขาวเอง รวมถึงรายชื่อบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊คกว่า 866 ราย ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาฯ หลัง เก๋ อัญวีณ์ ได้ถูกกระเเสชาวเน็ตรุมด่าด่อทอต่อว่าจากการที่ไปฟ้องร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ให้บัวขาวรับรองน้องมีตังค์ ลูกสาววัย 5 ปี เป็นบุตร โดยอ้างว่าบัวขาวไม่เคยเลี้ยงดูบุตร พร้อมเรียกค่าเลี้ยงดู 25 ล้านบาท
ความเคลื่อนไหวของ เก๋ อัญวีณ์ เจ้าตัวยังได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค เป็นภาพที่ไปออกรายการหนึ่ง พร้อมมีข้อความ การที่ถูกทัวร์ลงเราไม่ได้โกรธคนที่มาพิพม์เขาเเค่มือไวกว่าสมอง ก็ต้องได้รับผลของการกระทำ เรากโกรธคนที่สร้างประเด็นให้ทัวร์มาลงมากกว่า เเละโกรธบัวขาวด้วยที่ไม่ออกมาปกป้อง เเละเราไม่รับการขอโทษที่เป็นกระเช้านะคะ มันรกบ้าน
ลองคิดเล่นๆนะถ้า คุณเป็นเก๋ และท่านทนาย
ที่เค้าเพียงทำตามหน้าที่ และเก๋ก็ทำเพื่อความถูกต้อง
คำพูด การกระทำที่พยามยามสื่อไปในทางให้คน
เข้าใจเราผิดหรือความคิดเห็นคำด่าทอต่างๆนาๆ
....สำหรับคนพูดพวกคุณรู้อยู่แล้วว่า
คุณสะใจมั้ยที่พิมพ์และสื่อมันออกมาเช่นนั้น
(แต่น่าละอายใจแทน ที่มันไม่ใช่ความจริงเลย)
คำพูดบางคำก็เหมือนปืนลั่นไก
เขม่าดำติดที่ใจคนพูด กระสุนติดอยู่ในใจคนฟัง
ยอมถูกด่าเป็นแม่หัวสูง ยอมเป็นแม่เลี้ยงลูกไฮโซ
ยอมเป็นแม่ฟุ้งเฟ้อ...ไปก่อน (ทั้งๆที่เงินเราก็หาเอง)
...ไม่เป็นไร อดทนไว้ บอกตัวเองจำใส่หัวไว้ดีๆ#เชื่อว่าคนยังไม่เห็นแต่ผีสางเทวดาท่านมองเห็นเสมอมา
ขอบคุณมากที่สอนให้เรารู้จักเป็นคนที่มี ความอดทน
อดกลั้น ขอบคุณ
แม่เก๋ ผู้หญิงที่ไม่กลัวแม้แต่ความตาย
เพราะที่เจอมาตลอด4-5ปีคือเรานั้นมันตายทั้งเป็น
พร้อมกันนี้ยังได้อัพเดตข่าวดีอีกว่า
บ้านหลังใหม่ของเรา 3 คนแม่ลูก
ปลายเดือนหน้าจะได้อยู่บ้านหลังใหม่แย้วนร้า
....น้องดีใจจะได้มีเพื่อนเล่นไม่เหงาแล้ว
บ้านแลนด์แอนด์เฮ้าส์
ด้านฝั่งของ ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช ก็ได้ร่ายยาว จากใจทนายกระดูกเหล็ก ทำไมต้องกลัวเสียชื่อเสียง !
จากการที่ผมได้เป็นทนายความให้กับคุณอัญวีณ์ พรชัยวิบูลย์ หรือคุณเก๋ ภรรยาของคุณบัวขาว เพื่อเรียกร้องขอให้คุณบัวขาว รับรองบุตร ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร จำนวน 25 ล้านบาท และให้อำนาจปกครองบุตรเด็กหญิงพิมพ์ญาดา บัญชาเมฆ หรือน้องมีตังค์ อยู่กับคุณเก๋ ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศ
ต่อมาเกิดดราม่า เรื่องเงินค่าอุปการะเลี้ยงดู 25 ล้าน, และมีการให้ข่าวว่า “ได้ส่งเสียเลี้ยงดูมาโดยตลอด ให้เงินไปตั้ง 20 ล้านแล้วยังไม่พอ จะมาเรียกร้องเอาไรอีก และบอกว่าทำไมไม่ไปเอากับผัวเก่าคุณเก๋ “ จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชี่ยลเป็นวงกว้าง มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะที่ไม่เห็นด้วยได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในทางลบมากมาย บางคนถึงกับด่าทอผมและคุณเก๋ ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายไม่สามารถรับได้ และมีแฟนคลับผม และไม่ใช้แฟนคลับผมต่างออกเตือนด้วยความหวังดี การทำคดีนี้ทำให้ผมเสียชื่อเสียง !
ขอบพระคุณสำหรับคำเตือน
ผม ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้ฉายาจากสื่อมวลชนว่าเป็น “ ทนายกระดูกเหล็ก “ ขอเรียนชี้แจงจากใจว่า ชื่อเสียงของผมไม่เสียหรอกครับ ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะสิ่งที่ผมทำไปคือความจริง ความถูกต้อง และเป็นธรรม การที่ผมรับทำคดีนี้ ผมพิจารณาจากพยานหลักฐาน และวิเคราะห์แล้ว เห็นว่า เป็นเรื่องจริง ถูกต้อง และเพื่อความเป็นธรรม และเป็นการช่วยเหลือผู้หญิง 2 คนแม่ลูกที่ถูกทอดทิ้งและอยู่กันเพียงลำพัง ดังนั้นเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ทั้ง 2 คน ผมจึงรับเป็นทนายให้ เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ที่ผมได้ช่วยเหลือผู้หญิง 2 คนแม่ลูก สิ่งที่ผมทำ ถึงคนที่เห็นต่างเห็นว่าไม่ถูก แต่เทวดาฟ้าดินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เห็นว่าสิ่งที่ผมทำผิดหรือถูก ?
ส่วนที่ผมและคุณเก๋ ฟ้องเป็นคดีอาญาเพราะ ในเมื่อคุณมาละเมิดสิทธิผมและคุณเก๋ ด่าผมและคุณเก๋ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย โดยที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน การด่าผมและคุณเก๋เป็นสิ่งที่ไม่ถูกทั้งศีลธรรม(ผิดศีลข้อ4)และกฎหมาย(ผิด ป.อาญา มาตรา 326,328) ผมจึงต้องป้องกันสิทธิของผมและคุณเก๋
สำหรับผม ชื่อเสียงเป็นเพียงของสมมุติ ตายไปพาก็ไปไม่ได้ ความดี และความชั่ว ปาบบุญคุณโทษ เท่านั้นที่จะตามไป และจะถูกชดใช้อย่างสาสมในโลกหลังความตาย
ผมไม่เคยยึดติดในชื่อเสียงลาภยศสรรเสริญ ถึงผมจะเป็นคนชั่วในสายตาคนปาบ ผมไม่เสีย แต่ขอให้ผมเป็นคนดีในสายตาคนดีมีศีลธรรม ผมก็ดีใจแล้วครับ เพราะฉะนั้น การที่ผมได้ช่วยเหลือ 2 คนแม่ลูกนี้ ถือว่าผมได้ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก และจะช่วยจนถึงที่สุดจนสุดความสามารถ ชื่อเสียงเกียรติยศอันจอมปลอมจึงไม่มีความสำคัญกับผมแต่อย่างใดเลยครับ