ชูวิทย์ ฟาดประยุทธ์ เอาคนอย่างแรมโบ้มารับหน้า จะเหลืออะไรให้เชื่อได้อีก

20 พฤษภาคม 2564

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า..วิสัยทัศน์ของผู้นำ เมื่อถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน อภิสิทธิ์เห็นตอน “เสื้อแดงประท้วง” ยิ่งลักษณ์เห็นตอน “นำ้ท่วม” ประยุทธ์เห็นตอน “โควิด”

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า..

วิสัยทัศน์ของผู้นำ เมื่อถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน

อภิสิทธิ์เห็นตอน “เสื้อแดงประท้วง”
ยิ่งลักษณ์เห็นตอน “นำ้ท่วม”
ประยุทธ์เห็นตอน “โควิด”

 

แต่ละผู้นำไม่เคยยอมแพ้ ท้อแท้ สักคน ล้วนเป็นประชาชนที่เป็นผู้พ่ายแพ้ ท้อแท้แทนในทุกสถานการณ์ฉุกเฉินของประเทศ

เมื่อสถานการณ์ยังสร้างฮีโร่อย่าง “กำนันสุเทพ” ได้ แล้วไฉนเลย สถานการณ์จะทำลายผู้นำอย่าง “ลุงตู่” ไม่ได้?

ในเมื่อทุกอย่างจบลงที่ “ลุงตู่” คนเดียว

จาก “กองเชียร์” กลับกลายเป็น “กองแช่ง”

และจาก “วอล์คอิน” วัคซีน กลายเป็น “วอล์คเอาท์” การเมือง

เมื่อเป็น “Single Command” (สั่งการคนเดียว) ก็ต้องกลายเป็น “Single Victim” (เหยื่อคนเดียว)

ผู้นำที่ “แข็งแกร่ง” รายล้อมด้วยคณะรัฐมนตรีในสถานการณ์ปกติ กลับกลายเป็นผู้นำที่ “อ่อนแอ” อยู่คนเดียวในสถานการณ์ฉุกเฉิน

เป็นความโดดเดี่ยวของประเทศ ที่ฝากไว้กับผู้นำเพียงคนเดียว หามีใครอื่นอยู่ช่วยไม่ 

ทั้งที่มีรัฐมนตรี ส.ส.รัฐบาล และ ส.ว.ข้าราชการเก่ามากมาย อยู่เต็มเอี้ยดจนล้นกระป๋อง

แต่กลับตักเอาเพียงคนอย่าง “แรมโบ้” ที่รำ “ป้อแป้” ตอบโต้ทุกคน ทุกเรื่อง แม้แต่แมลงวันบินผ่านหน้านายกฯ ยังโดนด่าท้าชก 

ออกหน้ารับงาน เหลืออยู่คนเดียว ยิ่งทำให้เห็นว่า ใช้คนผิดที่ ผิดงาน “put the wrong man in the wrong job”

คนที่ขนาดคำสาบานกับ “ย่าโม” ที่คนโคราชนับถือ ยังไปกล้าล้อเล่นถอนคำสาบานออกได้

มันจะไปเหลืออะไรให้เชื่อถือคนพรรค์นี้ได้อีกเล่า?

ทั้งบ่าวทั้งนายคงได้ล่องลำนาวาออกทะเลด้วยกันเร็วๆ นี้ 

เพราะคนถูกปกป้องเอาคนปกป้องที่ไม่มีสัจจะวาจาไปปกป้องตัวเอง

ยิ่งตอกย้ำซ้ำว่า “ไม่เหลือใครช่วยปกป้องอีกแล้ว” 

อย่างนี้คนไทยคงต้องรอให้มี “หิมะตกที่เมืองไทยกลางหน้าร้อน” ได้เสียก่อน

ถึงจะมีคนเชื่อว่า ผู้นำจะแก้ปัญหา “โควิด” ได้ตลอดรอดฝั่ง

ชูวิทย์ ฟาดประยุทธ์ เอาคนอย่างแรมโบ้มารับหน้า จะเหลืออะไรให้เชื่อได้อีก