เพชรบุรีป่วนหนัก คลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ พบผู้ติดโควิดพุ่ง 2,111 ราย
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจังหวัดเพชรบุรีกำลังระส่ำหนัก ล่าสุดพบคลัสเตอร์โรงงานแคลคอมพ์ มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงกว่า 2,111 ราย และรอผลอีก 1,000 ราย
วันที่ 22 พ.ค. 64 นายแพทย์เพชรฤกษ์ แทนสวัสดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี รายงานสถานการณ์การตรวจหาเชื้อในกลุ่มพนักงานโรงงานแคล-คอมพ์ อิเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่ อ.เขาย้อย และกลุ่มเสี่ยง จำนวนกว่า 4,740 ราย พบยอดผู้ติดเชื้อเพื่อการควบคุมโรค 2,111 ราย แบ่งเป็นชาวไทย 781 ราย และแรงงานข้ามชาติ 1,330 ราย ขณะที่รอผลตรวจอีกประมาณ 1,000 ราย
ทั้งนี้ การรักษาผู้ติดเชื้อได้แบ่งออกเป็น 2 ระบบ แบ่งเป็น ระบบแรกสำหรับกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ที่จะให้เข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลสนามภายในโรงงาน ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 2,200-2,400 เตียง และระบบสองสำหรับกลุ่มแรงงานชาวไทยที่มีการกระจายไปใน 8 อำเภอ เบื้องต้นทางจังหวัดได้สอบสวนโรคและให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลประจำอำเภอที่พบผู้ติดเชื้อ ส่วนกรณีที่ไม่มีอาการจะให้แยกกักภายในสถานกักกันที่รัฐจัดให้
ขณะที่ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี เผยว่า สำหรับกลุ่มแรงงานข้ามชาติของโรงงาน อำเภอเขาย้อย ที่อาศัยอยู่บริเวณรอบนอกโรงงานดังกล่าว ที่อาจพักอาศัยอยู่ร่วมกับพนักงานโรงงานอื่น ทางคณะกรรมการควบคุมโรคจึงได้มีข้อเสนอและแจ้งให้ผู้ประกอบการโรงงานอื่นได้เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามภายในโรงงานของตนเอง เพื่อรองรับการพบผู้ติดเชื้อภายในโรงงาน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ตั้งด่านตรวจคัดกรองโควิด ที่ตำบลสระพัง และตำบลบางเค็ม อำเภอเขาย้อย รวม 14 จุด ได้แก่ โรงสีสหกรณ์การเกษตรเขาย้อย ตลาดอาม่าสาลี สำนักงานไฟฟ้าอำเภอเขาย้อย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพสระพัง โรงเรียนวัดหนองส้ม โรงเรียนโยธินบูรณะ เพชรบุรี ประปาอำเภอเขาย้อย สถานกายภาพบำบัดและส่งเสริมสุขภาพ หะทัย-อุรุษา เทพพิสัย อู่มนัสแทร็คเตอร์ สนามฟุตซอล วัดสระพัง โรงเรียนธรรมิกวิทยา ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเขาย้อย สหกรณ์การเกษตรเขาย้อย ร้านข้าวแกงแม่ล้วน เทศบาลตำบลเขาย้อย ที่ว่าการอำเภอเขาย้อย และโรงพยาบาลเขาย้อย เพื่อป้องกันแรงงานหลบหนีออกนอกพื้นที่ รวมถึงด่านคัดกรองป้องกันโรคด้วย และขอบคุณประชาชน ช่วยกันสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแสโดยการบันทึกคลิปวิดีโอที่จะมีการแอบนำแรงงานต่างด้าวออกจากพื้นที่ จนทำให้สามารถสกัดกั้นนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต่อไป