พ่อน้องน้ำฝนเศร้า รับร่างลูกสาวเหยื่อหนุ่มใหญ่วัย53 ลั่นไม่อโหสิกรรมให้
พ่อ-เเม่เศร้า รับร่างน้องน้ำฝนถูกหนุ่มใหญ่รัว 7 นัดเสียชีวิต ยืนยันไม่ขออโหสิกรรมให้ ไม่เชื่อว่ารู้จักกับลูกสาวมานานกว่า 7 ปี เเอบคบหากัน ด้านผู้ก่อเหตุบอกว่ารู้จักและคุยผ่านเฟซบุ๊ค
ความคืบหน้าในวันนี้ 27 พ.ค.64 ที่ภาควิชานิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลศิริราช นายวิโรจน์ สุขเกษม อายุ 58 ปี น.ส.พัฒยา สุขเกษม อายุ 55 ปี เดินทางมารับศพบุตรสาวน.ส.กนกภัทร สุขเกษม หรือน้องน้ำฝน อายุ 19 ปี นักศึกษาปีที่ 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาจุลชีววิทยา บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นายวิโรจน์ สุขเกษม อายุ 58 ปี พ่อของน้องน้ำฝน กล่าวว่า เรื่องที่ผู้ต้องหาอ้างว่าคบหากับลูกสาวตนมานานกว่า 7 ปี ตนและครอบครัวไม่เคยมีใครทราบเรื่องหรือระแคะระคายว่ามีชายหนุ่มมาพัวพัน ตั้งแต่เด็กจนโตตนเป็นคนไปรับและไปส่งบุตรสาวไปโรงเรียนทุกวัน พูดคุยถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบกันทุกวัน ถ้าคบกันนานขนาดนั้นจริงก็คงรับรู้บ้าง ส่วนเรื่องที่ว่ามาช่วยเหลือหรือให้เงินน้องนั้น ตนประกอบอาชีพค้าขายอาหารทะเล ย่านบางบอน และครอบครัวไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง หลังจากนั้นจะรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่วัดบางบอน สวดพระอภิธรรมศพเป็นเวลา 3 คืน ฌาปนกิจ วันที่ 30 พ.ค. 64
ลูกสาวอยู่ในสายตาตลอดเเต่ผู้ต้องหากลับอ้างว่ามีการรู้จักกับลูกสาวมานานกว่า 7 ปี ตนเองจึงตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะขณะนั้นลูกสาวอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น ซึ่งอยู่ในความดูเเลของครอบครัวอย่างใกล้ชิด ทำไมไม่มีเรื่องระแคะระคายว่าแอบคบหากัน รวมทั้งผลการเรียนก็ไม่ได้ตกต่ำ โดยน้องจะได้เกรดเฉลี่ย 3.7 เเละยังได้ทุนการศึกษาเรียนดีในระดับมหาวิทยาลัย จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะนอกลู่นอกทาง และลูกสาวเป็นคนดีที่มีความกตัญญูสูง เคยบอกกับตนว่า “พ่ออดทนหน่อยนะ อีก 3 ปี ถ้าหนูเรียนจบ เเล้วมีงานทำ ชีวิตเราจะดีขึ้น” นั่นเป็นคำคำพูดของลูกสาวที่ก้องอยู่ในหัวใจของพ่อตลอด สำหรับนายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุ ยืนยันว่าจะไม่ขออโหสิกรรมให้ เพราะมีความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์
(ผู้ก่อเหตุ)
ด้าน พ.ต.ท.ทองคูณ เเกมขุนทด รอง ผกก.(สอบสวน)สน.ท่าข้าม เปิดเผยว่า วันนี้ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาแล้วให้การว่า ช่วงน้องน้ำฝนกำลังจะเรียนเข้ามัธยมปีที่ 1 ได้รู้จักกันผ่านทางเฟซบุ๊คและได้ติดต่อพูดคุยกันตลอดผ่านช่องทางนี้
ส่วนค่าเลี้ยงดูที่ผู้ต้องหาบอกนั้น จะเป็นในเรื่องการซื้อของให้ทั่วไป ค่าเทอมก็มีให้บ้างบางครั้ง รวมไปถึงพาเที่ยวเฉกเช่นคนที่คบหาดูใจกัน แต่ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรับรู้เพราะอายุห่างกัน นอกจากนี้ผู้ต้องหาไม่เคยมีครอบครัวมาก่อน และเมื่อก่อนทำธุรกิจกับพี่ชาย เป็นตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถจักรยานยนต์ จึงค่อยข้างมีเงิน จากนั้นไม่นานมีปัญหาจึงออกมาทำอาชีพแมสเซ็นเจอร์ ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไรมาได้สักระยะแล้ว
เบื้องต้นได้นำตัวเข้าห้องกักขังสน.ท่าข้ามไว้ก่อน โดยจะนำตัวนายอำนาจ แซ่ตั้ง อายุ 53 ปี ไปฝากขังศาลอาญาธนบุรี โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เเละอัตราโทษสูง