สื่อดังเผย ผู้ป่วยโควิด-19 ในเมืองหลวงอเมริกา เป็นคนผิวสี มากกว่า 80%
หนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่าปัจจุบันคนผิวดำครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เมืองหลวงของสหรัฐฯ โดยสูงขึ้นจากร้อยละ 46 ในช่วงปลายปีก่อน
สัดส่วนของผู้ป่วยโควิดใหม่ที่เป็นคนผิวดำพุ่งขึ้นอย่างมหาศาลในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ตั้งแต่ราวกลางเดือนเมษายน เมื่อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางสำหรับชาวเมือง ขณะสัดส่วนผู้ป่วยที่เป็นคนผิวขาวลดลงจนต่ำกว่าร้อยละ 10 จากร้อยละ 33 ในเดือนธันวาคมปีก่อน
“กรณีคนผิวสีล้มป่วยและเสียชีวิตจากโรคระบาดใหญ่อย่างไม่สมสัดส่วนเช่นนี้ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ตอกย้ำปัญหาการแบ่งแยกทางเชื้อชาติอันฝังรากลึกอยู่ในประเทศ” รายงานข่าวระบุ “บางพื้นที่ของประเทศอย่างรัฐเคนทักกีและรัฐเทนเนสซีเกิดกรณีลักษณะนี้เช่นเดียวกัน”
ด้านสำนักสำมะโนประชากรสหรัฐฯ เปิดเผยว่าประชากรกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นคนผิวดำราวร้อยละ 45 และเป็นคนผิวขาวราวร้อยละ 42.5 ทว่า “คนผิวขาวมีแนวโน้มได้รับวัคซีนมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกลุ่มชาววอชิงตันผิวดำมีอัตราความลังเลและปัญหาการเข้าถึงวัคซีนสูงกว่า”
เมื่อวันอังคาร (25 พ.ค.) มูเรียล โบว์เซอร์ นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เตือนประชาชนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวว่า “คุณกำลังทำให้ตัวคุณและวอชิงตัน ดี.ซี. ตกอยู่ในความเสี่ยง เพราะถ้าโรคโควิด-19 กลับมาระบาดอีกครั้งในชุมชนที่ไม่ได้รับวัคซีน อาจจะทำให้ยอดผู้ป่วยพุ่งและต้องปิดเมือง ซึ่งไม่มีใครต้องการสิ่งนั้น”
ทั้งนี้ โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของสหรัฐฯ บรรลุอัตราการฉีดร้อยละ 50 ภายในเวลาไม่ถึง 6 เดือน โดยผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่งของประเทศได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว เมื่อนับถึงบ่ายวันอังคาร (25 พ.ค.)
ที่มา xinhuathai