ร.ต.อ.ขับรถตราโล่ชนเสาไฟฟ้า สอบปากคำเเล้ว วูบหลับในเพราะเพิ่งเลิกงาน
ร.ต.อ.สังกัดสตม. ขับรถเก๋งตราโล่ พุ่งชนเสาไฟฟ้ากลางดึก สอบสวนเเล้วเบื้องต้นพบว่าไม่มีอาการผิดปกติไร้กลิ่นเเอลกอฮอล์ สาเหตุที่หลับในวูบเพราะเพิ่งเลิกงานร่างกายไม่พร้อม
กรณีอุบัติเหตุเมื่อกลางดึกเวลาประมาณ01.00น.ของคืนวันที่8 มิ.ย.64ร.ต.ท.ธนพล บุญซื่อ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.บางเขน ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถเก๋งทะเบียนตราโล่พุ่งชนเสาไฟฟ้า เหตุเกิดบริเวณริมถนนพหลโยธิน (ขาเข้า) แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุบริเวณช่วงจุดกลับรถ พบรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียนตราโล่ 23781 สภาพด้านาหน้ารถพังยับเยิน กระจกหน้าแตกร้าว ล้อหน้าซ้ายหลุดกระเด็น จอดขวางอยู่กลางถนน ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร พบบริเวณโคนเสาไฟฟ้ามีรอยเฉี่ยวชนอย่างแรง ชิ้นส่วนรถยนต์แตกกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นถนน
ส่วนคนขับรถคันเกิดเหตุ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่บริเวณแก้มขวา โดยผู้บาดเจ็บนั่งมึนงง นั่งอยู่ริมถนน จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่า คนขับผู้บาดเจ็บเป็นข้าราชการตำรวจ ยศ ร.ต.อ. สังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สตม.
จากการสอบสวนในเบื้องต้น ทราบว่า ร.ต.อ. สังกัด สตม. กำลังขับรถเก๋งทะเบียนตราโล่ เพื่อเดินทางกลับที่พัก โดยใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน ทั้งนี้ ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้น จู่ๆก็เกิดอาการหลับใน และวูบหมดสติ ไปชั่วขณะ กระทั่งมารู้ตัวอีกที ก็พบว่ารถที่ขับมานั้น ได้ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนเสาไฟฟ้าไปแล้ว
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางเขน เตรียมตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณโดยรอบ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง พร้อมกับนำตัว ร.ต.อ. ส่งให้แพทย์ทำการตรวจสอบอาการ และวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ส่วนทรัพย์สินที่เสียหายนั้น ประกอบด้วยเสาไฟฟ้า และรถของทางราชการ ทางพนักงานสอบสวน สน.บางเขน จะดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ความคืบหน้าล่าสุดพันตำรวจเอก อรรถพล มีเสียง ผู้กำกับการ สน.บางเขน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำในเบื้องต้นพบว่าไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์ออกจากร่างกายสามารถพูดคุยให้ปากคำรู้เรื่อง จึงทำการสอบปากคำในเบื้องต้นซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมาจากความไม่พร้อมของร่างกายเพราะเพิ่งเลิกงานจึงมีอาการหลับใน จากนี้จะมีการสรุปรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามการสอบสวนของต้นสังกัดคือ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ว่ามีการนำรถไปใช้นอกเหนือจากการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่