หมอยง เตือนอีก 4 เดือน "โควิดสายพันธุ์อินเดีย" เตรียมยึดไทย
หมอยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมของเชื้อไวรัสเป็นเรื่องปกติ โดยพบว่าสายพันธุ์เดลต้าเริ่มมีอัตราการแพทยระบาดสูงขึ้นหากไม่มีการควบคุมในอีก 4 เดือนข้างหน้า
โควิดสายพันธุ์อินเดีย(เดลต้า) จะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นจนเข้ามาแทนที่สายพันธุ์แอลฟ่า(อังกฤษ)ซึ่งมีการระบาดอยู่ในขณะนี้ และเชื่อได้ว่าในอนาคตก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอีก
นอกจากนี้ พบว่าสายพันธุ์อัลฟ่าเบตาและเดลต้า ไม่ได้มีความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้นแต่มีผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีน
โดย ข้อมูลเบื้องต้นที่มีในขณะนี้พบว่าสายพันธุ์เดลต้ามีความจำเป็นต้องเพิ่มการรับวัคซีน อย่างวัคซีนไฟเซอร์ ครบ 2 เข็มก็ยังสร้างภูมิคุ้มกันได้เพียง ร้อยละ 79 จากเดิม ร้อยละ90 ส่วนแอสตราเซนิกา สร้างภูมิคุ้มกันได้ร้อยละ60 จากร้อยละ 80 ซึ่งพบว่าไม่เพียงพอต่อการป้องกันโรคสำหรับสายพันธุ์เดลต้า
ขณะนี้ทางศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิกกำลังเริ่มทำการทดลอง การใช้วัคซีนของวัคซีนซิโนแวค หรือวัคซีนซิโนฟาร์มสองเข็มภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคได้น้อยเช่นกันประมาณ ร้อยละ30 สำหรับสายพันธุ์เดลต้า ทั้งนี้ได้เสนอการใช้วัคซีนเข็มที่สามเพื่อช่วยกระตุ้นภูมิ ซึ่งเบื้องต้นพบมีการสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงถึง 10 เท่าโดยจะต้องได้รับวัคซีนเข็มที่สามในระยะสามถึงหกเดือน
ส่วนจะสามารถเลือกใช้วัคซีนแตกต่างชนิดกันได้หรือไม่ ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างการทดลองเรื่องความปลอดภัย และย้ำว่าสิ่งสำคัญในขณะนี้คือการชะลอการแพร่ระบาดของสายพันธุ์เดลต้าเพื่อรอข้อมูลยืนยันเรื่องประสิทธิภาพและการใช้วัคซีน
ทั้งนี้ นายแพทย์ยงย้ำว่า จะต้องลดจำนวนตัวเลขผู้ป่วยลง ซึ่งขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของประชาชนอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการปูพรมฉีดวัคซีน เพื่อควบคุมโรค